รวมแอปดีๆ ที่ต้องมีติดไอแพด ไอแพดแอร์ไว้ สำหรับสายคอนเทนต์มืออาชีพที่จะทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา และจะลืมไม่ได้กับแอร์พอดที่จะต้องคู่กับเพลงเพราะๆ ฟังสบายๆ ไม่มีเสียงรบกวนที่จะคู่กับไอเทมเจ๋งๆ ในมือคุณ โดยในบทความนี้จะแบ่งแอปออกเป็นหมวดๆ ให้คุณได้เลือกดาวน์โหลดกัน
เมื่อเทคโนโลยียังคงไม่มีการหยุดพัฒนา รวมทั้งมือถือ iPhone หรือ iPad การมีแอปพลิเคชันดี ๆ ก็ยังคงต้องมี หากเป็น iPad รุ่นอื่นๆ เมื่อโหลดแอปฯ ต้องใช้การกรอกรหัส Apple ID แต่ถ้าเป็น iPad Air ที่มีปุ่ม Touch ID ก็จะทำให้ดาวน์โหลดได้อย่างรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งยังรองรับ Apple Puncil รุ่นที่ 2 และ Magic Keyboard ทำให้การทำงานสะดวกมากขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่าสำหรับแอปฯ ที่ต้องการมีก็จะต้องดาวน์โหลดได้ที่ App Store
รวมแอปบน iPad ดีๆ ที่ควรโหลดไว้ในเครื่อง
1. แอปสำหรับการจด Note
- Evernote
- Simplenote
- GoodNotes 5
2. แอปสำหรับการสื่อสารTelegram
- Zoom
- Slack
3. แอปสำหรับการออกแบบ วาดรูป
- Procreate
- Ibis Paint X
- Adobe Lightroom
4. แอปสำหรับการตัดต่อวิดิโอ
- VivaVideo
- Inshot
- Adobe Premier Rush
5. แอปสำหรับคนรักเสียงเพลง
- Apple Music
- JOOX Music
- Spotify
ความน่าสนใจของแต่ละแอป มีจุดเด่นดังนี้
1. Evernote

เอเวอร์โน้ต (Evernote) เป็นแอปจดโน้ตบนไอแพดที่โดดเด่นและติดตลาดมาเป็นเวลานานพอสมควร ที่มีไอค่อนรูปช้างที่เราคุ้นเคยมีจุดเด่นคือไม่ว่าเราจะจดโน้ตไว้ที่ไอแพด มือถือ Smart Phone หรือคอมพิวเตอร์ โดยจะต้องลงชื่อเข้าใช้ไว้ที่ account เดียวกัน ก็จะสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานได้ จะเป็นแอปเหมาะกับคนที่มีการจดโน้ต พิมพ์งาน ซึ่งภายในแอปก็มีระบบการจัดข้อมูลที่ดี
2. Simplenote

ซิมเพิลโน้ต (Simplenote) เป็นแอปจดโน้ต iPad ที่อาจจะเหมาะกับคนที่ไม่ถนัดการใช้ปากกา โดยแอป Simplenote จะให้มีการใช้งานผ่านคีย์บอร์ดเป็นหลัก การจดโน้ตบนแอปนี้ใช้ฟังก์ชันที่ไม่ซับซ้อนมากนัก หากเคยพิมพ์ไว้ที่มือถือ หรือ iPad ก็จะ Sync. ถึงกันได้แบบ Real Time ไม่ต้องกลัวข้อมูลหาย และยังมีระบบ Tag ให้เพื่อจะได้จัดระเบียบข้อมูลต่างๆ และการค้นหาได้ง่าย
3. GoodNotes 5

กู้ดโน้ต 5 (GoodNotes 5) เป็นแอปจดโน้ตแบบจ่ายครั้งเดียวจบ ตัวแอปใช้งานง่าย ไม่ว่าจะใช้เรียน หรือใช้ร่วมกับการทำงาน รวมถึงการเปิดไฟล์ PDF แล้วเขียนบันทึกลงหน้ากระดาษนั้นเสมือนการทำงานจริงบนเอกสารสำเนา นอกจากนี้ใครที่รักงานเขียน E-Book, Diary และ Planner ก็ใช้งานได้ครบ จบในแอปเดียว
4. Telegram

เทเลเกรม (Telegram) เป็นแอปการสื่อสารที่ป้องกันข้อมูลต่างๆ รั่วไหล มีความปลอดภัยด้านประสิทธิภาพ ด้วยการเข้ารหัสแบบ End-To-End และยังรองรับการโทรด้วยเสียง การสนทนาด้วยฟีเจอร์ซีเคร็ตแชท (Secret Chat) เพื่อการพูดคุยที่ไม่อยากให้ข้อมูลเสียง วิดีโอ สติ๊กเกอร์ ถูกเผยแพร่ออกไป
5. Zoom

ซูม (Zoom) เป็นแอปสำหรับการประชุมที่มีการใช้งานกันมาก เป็นวิดิโอคอลแบบแชร์หน้าจอให้เพื่อน ๆ ดูได้ แถมมีฟีเจอร์หลากหลายตอบโจทย์การประชุมงานกลุ่ม นอกจากเป็นแอป iPad สำหรับการทำงานแล้ว ในหลาย ๆ สถาบันการศึกษาก็ยังใช้ในการเรียนแบบออนไลน์อีกด้วย ซึ่งก็สามารถจะทำการเช็คชื่อ เห็นหน้าเห็นตา ตอบโต้กันได้เหมือนการเรียนปกติ
6. Slack

สลาค (Slack) เป็นแอปที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานเป็นทีม มีระบบจัดการสมาชิกอย่างเป็นระเบียบ สามารถจะรับส่งไฟล์งานต่าง ๆ ได้ไม่จำเป็นต้องใช้เบอร์โทรในการใช้งาน สำหรับสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้าใช้งาน จะสามารถเข้าไปเปิดดูแชทเก่าๆ ได้ และรองรับสมาชิกได้ไม่มีจำกัด สามารถจะสร้างห้องสนทนาออกเป็นกลุ่ม หรือทีมได้
7. Procreate

โปรครีท (Procreate) เป็นแอปออกแบบที่เหมาะกับคนถนัดใช้ไอแพดรุ่นเบาๆ อย่างไอแพดรุ่นธรรมดา และไอแพดแอร์ ทั้งงานวาดภาพ ร่างแบบ ออกแบบงานได้อย่างมืออาชีพ ก็จะต้องมี Procreate Pocket ไว้ในเครื่อง ถ้าต้องการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง แอปนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่และมืออาชีพ
8. Ibis Paint X

Ibis Paint X อีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาใช้ฟรีได้จาก App Store สำหรับสายวาดรูปและสายอิลลัสเตเตอร์จะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอนที่จะมีติด iPad ไว้ ซึ่งจะมาพร้อมฟังก์ชันแบบจัดเต็ม สามารถใช้งานบน iPad และยังรองรับการใช้ปากกา Apple Pencil วาดได้เป็นอย่างดี สำหรับแอปนี้การออกแบบมาได้อย่างมืออาชีพเลยทีเดียว
9. Adobe Lightroom

ไลท์รูม (Adobe Lightroom) แอปยอดฮิตบนไอแพด (iPad) ใช้แต่งรูปโปรแกรม Adobe ยอดฮิตจากพีซี ในการใช้งานโปรแกรมนี้ iPad มีฟีเจอร์ที่เลือกคำสั่งใช้งานง่ายมากขึ้น ทั้งระดับเริ่มต้นใช้งานและมืออาชีพ ทั้งการแต่งสีภาพได้ ดึงค่าสี หรือการแก้ไขภาพแบบโปร และที่สำคัญคือประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
10. VivaVideo

วีว่า วิดีโอ (VivaVideo) สายทำคอนเท้นต์บน Vlog ที่ต้องการตัดต่อคลิปน่ารัก ๆ แอปนี้จะขาดไม่ได้เลย สามารถจะตกแต่งคลิปได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะใส่ฟิลเตอร์ สติกเกอร์ สามารถจะแทรกข้อความ ใส่เพลงให้ลงตัว แถมยังสามารถตัดคลิปได้อย่างแม่นยำ เก็บรายละเอียดเล็กๆ เสี้ยววินาทีก็สามารถทำได้ คลิปเที่ยวสนุกๆ รีวิวร้านอาหาร สถานที่ต่าง ๆ ต้องมีไว้เลย
11. Inshot

อินช็อต (Inshot) แอปนี้จะครอบคลุมทั้งส่วนของการแต่งภาพมาจนถึงส่วนของการตัดต่อวิดิโอเลย เป็นแอปที่จะต้องแนะนำว่าต้องมีเพราะจะเป็นการตัดต่อวิดิโอที่ใช้งานง่ายที่สุด สามารถตัดวิดิโอแบบต่อเนื่อง จะใส่ลูกเล่น หรือใส่เพลงได้ ปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานได้เป็นอย่างดี มีทั้งเท็มเพลต ฟอนต์ และเพลงสำเร็จรูปให้ใช้อยู่เยอะทีเดียว
12. Adobe Premier Rush

Adobe Premier Rush เพิ่มความจริงจังเป็นมืออาชีพให้กับชิ้นงานให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งสามารถใช้แอปตัดวิดิโอได้ โดยแอปนี้จะเป็นเวอร์ชันย่อ ๆ ของโปรแกรมตัดวิดิโอ Adobe Premier Pro ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถใช้งานฟีเจอร์หลัก ๆ ได้อย่างดี และยังสามารถจะใช้ในเวอร์ชัน iPad ได้แบบไม่มีข้อจำกัดอีกด้วย
13. Apple Music

แอปเปิลมิวสิค (Apple Music) เป็นแอปที่สามารถจะฟังเพลงได้หลากหลายอุปกรณ์อย่าง iPhone, iPad, Apple Watch, CarPlay, AppleTV, และยังได้ร่วมกันได้ดีในแอร์พอด และยังดาวน์โหลดไว้ฟังตอนไม่มีอินเทอร์เน็ตได้ด้วยเช่นกัน คุณภาพเสียงปรับแต่งให้มีความละเอียดสูง สามารถจะฟังได้ทั่วโลกไม่จำกัดเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น
14. JOOX Music

JOOX Music เป็นแอปที่สามารถจะเจอเพลงที่ชอบ และสามารถฟังผ่านคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการใช้งานผ่านเว็บบราวน์เซอร์และสามารถเลือกฟังเพลงได้แบบฟรี นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังออฟไลน์ได้ด้วยมากสุดถึง 200 เพลงด้วยกัน สำหรับ Playlist ของ JOOX Music ค่อนข้างที่จะโดนใจคนไทย จึงนิยมโหลดกันมากในปัจจุบัน
15. Spotify

สปอตีฟาย (Spotify) เป็นแอปที่สามารถจะใช้งานร่วมกับ Apple CarPlay ได้โดยสามารถจะสมัครในไทย และหากนำไปใช้งานที่ต่างประเทศจะใช้ได้ไม่เกิน 15 วัน นอกจากนี้ยังมีบริการสตรีมเพลงดิจิทัล พอดแคสต์ และวิดีโอ ซึ่งเปิดให้เข้าถึงนับล้านเพลงจากศิลปินชื่อดังทั่วทุกมุมโลก โดยสามารถใช้ฟังก์ชันการเล่นเพลงแบบฟรีได้อีกด้วย
สำหรับสาวก iPhone, iPad ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนแอปพลิเคชันที่จะขาดไม่ได้เลยที่จะต้องมีติดเครื่องไว้ สำหรับสายคอนเทนต์ต่างๆ ที่จะเพิ่มความเป็นมืออาชีพ และนำเสนอผลงานได้อย่างไม่มีที่ติด และที่สำคัญแอปฯ ดีๆ แบบนี้ก็ต้องใช้คู่กับไอเทมสุดเจ๋งที่จะตามหากันได้ใน Shopee 11.11 Big Sale แคมเปญช้อปปิ้งออนไลน์ยิ่งใหญ่สุดแห่งปี! กับโปร 11.11 มากมายให้คุณให้ช้อปสินค้าจากแบรนด์ดังที่ขนมาลดราคาแบบโดนใจ สูงสุดถึง 90%! รับโค้ดลดเพิ่ม 1111 บาท เอาใจกันต่อด้วยโปรส่งฟรีทั่วไทย ขั้นต่ำ 0 บาท เริ่มช้อปได้เลยตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. – 11 พ.ย. นี้เท่านั้น! ช้อปเลยที่ Shopee 11.11 Big Sale!
ที่มา : Wongnai