โควิดสายพันธุ์ล่าสุด NB.1.8.1 ที่ระบาดในไทยตอนนี้คืออะไร? ติดง่ายแค่ไหน และมีอาการอย่างไรบ้าง

โควิดสายพันธุ์ล่าสุด NB.1.8.1 ที่ระบาดในไทยตอนนี้คืออะไร? ติดง่ายแค่ไหน และมีอาการอย่างไรบ้าง

โควิดสายพันธุ์ล่าสุด 2025 จากข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผยโดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (อ.หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า สถานการณ์โควิดในประเทศไทยช่วงนี้ สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดคือ NB.1.8.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน ที่มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งสำคัญ ทำให้ แพร่เชื้อได้ง่าย แต่มีแนวโน้มว่า ความรุนแรงของโรคลดลง เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้า

โควิดสายพันธุ์ล่าสุด NB.1.8.1

เดิมสายพันธุ์โอมิครอนกลุ่ม XBB เคยเป็นสายพันธุ์หลักของโลก ต่อมาได้พัฒนาสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ ออกมา เช่น JN.1BA.2.86, และล่าสุดคือ NB.1.8.1 มีลักษณะเด่นคือ แพร่เร็ว ติดง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อนหรือภูมิคุ้มกันลดลง

NB.1.8.1 เป็น สายพันธุ์ลูกหลานของโอมิครอน (Omicron subvariant) ที่มีการกลายพันธุ์เฉพาะในตำแหน่งที่ทำให้มันสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น

อาการโควิดล่าสุด 2025

โดยส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ NB.1.8.1 มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ดังนี้:

  • ไข้ต่ำ – ปานกลาง
  • เจ็บคอ เสียงแหบ
  • ไอแห้งหรือไอมีเสมหะ
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • ปวดเมื่อยเนื้อตัว
  • อ่อนเพลียเล็กน้อย
  • บางรายอาจมีอาการท้องเสีย

สิ่งที่น่าสังเกตคือ ความรุนแรงของโรค เช่น ปอดอักเสบ หรือเสียชีวิต มีน้อยลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่เคยฉีดวัคซีนแล้ว หรือเคยติดเชื้อมาก่อน

อาการของโควิดสายพันธุ์ใหม่ เช่น NB.1.8.1 ที่กำลังระบาดในไทยตอนนี้ มักจะเริ่มแสดงหลังจาก ได้รับเชื้อประมาณ 2–5 วันโดยช่วงนี้เรียกว่า “ระยะฟักตัว” หรือ “ระยะเพาะเชื้อ” (incubation period)

ระยะฟักตัวของโควิดสายพันธุ์ NB.1.8.1

  • เฉลี่ย 2–5 วัน หลังจากได้รับเชื้อ
  • บางรายอาจเริ่มมีอาการเร็วใน 1–2 วัน
  • ในบางรายอาจใช้เวลาถึง 7 วัน แต่พบได้น้อยลง

แล้วแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เมื่อไร?

  • ผู้ติดเชื้อสามารถ แพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีอาการ
  • และยัง แพร่เชื้อได้อีก 5–7 วันหลังเริ่มมีอาการ (ในบางรายนานถึง 10 วัน)

ดังนั้น…

หากสงสัยว่าได้รับเชื้อมา ควรสังเกตตัวเองอย่างใกล้ชิด 5–7 วัน และหากมีอาการ ให้ตรวจ ATK ทันที และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง

แนวโน้มสถานการณ์ในประเทศไทย

  • ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อ อาจมีมากกว่าที่รายงาน เนื่องจากคนส่วนใหญ่รักษาตัวที่บ้าน และตรวจด้วยชุด ATK เอง
  • อัตราการเสียชีวิตยังมีอยู่ แต่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบ
  • โดยรวม “โควิดไม่ได้หายไป” แต่กลายเป็นโรคทางเดินหายใจประจำฤดูกาลที่ต้องเฝ้าระวังเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่

คำแนะนำจากแพทย์

  • หากมีอาการเข้าข่ายควรตรวจ ATK และแยกตัวอย่างน้อย 5-7 วัน
  • ควรสวมหน้ากากเมื่อต้องเข้าใกล้ผู้สูงอายุหรือบุคคลกลุ่มเสี่ยง
  • ล้างมือบ่อย และรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน
  • หากยังไม่เคยฉีดวัคซีน หรือฉีดนานเกิน 6 เดือน ควรพิจารณาฉีดวัคซีนกระตุ้น

โควิดสายพันธุ์ NB.1.8.1 ที่กำลังระบาดในไทยตอนนี้ อาจไม่ได้มีอาการรุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะยังมีโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ง่าย และอาจรุนแรงในบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว

ใส่ความเห็น