มีใครได้ดูละครเรื่อง “บางกอกคณิกา” และ “คุณพี่เจ้าขา ดิฉันเป็นห่านไม่ใช่หงส์” แล้วบ้างครับ ละครเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของ Sex Worker หรือผู้หญิงทำอาชีพโสเภณี สมัยรัชกาลที่ 3 – 5 ราว พ.ศ. 2435 ซึ่งสตรีมีตัวเลือกอาชีพที่น้อย ยังคงเป็นทาส และเป็นลูกที่เกิดจากทาสจำนวนมาก ละครสองเรื่องนี้เน้นความบันเทิง ทำให้หลายคนเกิดสนใจว่า “แม่แฟง” และ “ซ่องคณิกา” ต่างๆ มีอยู่จริงๆ ไหม มีเนื้อหาประวัติศาสตร์อยู่ในละครมากแค่ไหน บทความนี้ Mycontent-thai.com พาคุณไปชม 10 สถานที่ ที่เกี่ยวข้องกับโรงคณิกา เพื่อให้ทุกท่านได้อรรถรสในการชมละครเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กัน
รวม 10 ย่านโสเภณีสมัยอดีตใน กรุงเทพมหานคร
“หญิงโสเภณี” เป็นคำย่อมาจาก หญิงใน “โรงนครโสเภณี” ซึ่งเป็นผู้ทำอาชีพ Sex Worker รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ อาชีพนี้มีบันทึกว่ามีอยู่ในบ้านเราตั้งแต่ในยุคสุโขทัย และมีการเก็บภาษีถูกต้องตามกฎหมายมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 และได้ยกเลิกการตั้งโรงโสเภณีอย่างเด็ดขาดด้วย ด้วยพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษฎิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของกามโรค สูงถึง 75% ในช่วงแรกๆ ของการวางระบบสาธารณสุขกันเลยทีเดียว ในบทความนี้ Mycontent-thai.com ขอไล่เรียงสถานที่ตามไทม์ไลน์ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องบางกอกคณิกา ดังนี้
1. ตรอกเต้า เจริญกรุง 14
จุดเช็กอิน : วัดคณิกาผล พ.ศ 2376 (สมัยรัชกาลที่ 3 )
ที่ตั้ง ตรอกเต๊า ซอยเจริญกรุง 14
วัดคณิกาผล สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ 2376 ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง 14 ปัจจุบันเป็นทางเข้าออกของตลาดเยาวราชที่ตัดถนนเจริญกรุงกับเยาวราช และมีซุปเปอร์มาร์เก็ตทันสมัย ไม่มีโคมเขียวแขวนอยู่ และไม่มีบรรยากาศอึมครึมเหมือนยุคบางกอกคณิกาแล้ว แต่ยังมีลูกหลานของยายแฟง ซึ่งเป็นเจ้าของ “โรงยายแฟง” ที่โด่งดังในยุคสมัยรัชกาลที่ 3-4 บนตรอกเต๊า ถนนเยาวราช
เดิมวัดนี้ไม่มีชื่อ เพราะเมื่อสร้างเสร็จ ยายแฟงได้เชิญพระดัง 2 รูป มาเทศน์ เฉลิมฉลองการสร้างวัด แต่พระทั้งสองรูปได้กล่าวว่าการสร้างวัดด้วยเงินที่ได้มาจากสิ่งที่ผิดศีลนั้น ได้บุญน้อย ชาวบ้านเรียกว่านี้ว่า วัดใหม่ยายแฟง ภายหลังลูกหลานได้ขอพระราชทานชื่อจาก รัชกาลที่ 4 จึงได้ชื่อว่า “วัดคณิกาผล” แปลว่าวัดที่สร้างจากผลประโยชน์ของหญิงคณิกา
ด้วยคติความเชื่อของคนยุคต้นรัตนโกสินทร์ที่เชื่อว่าสร้างวัดแล้วจะได้บุญ เมื่อสร้างวัดเสร็จ ยายแฟงก็ได้นิมนต์ขรัวโต หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) มาเทศน์ให้ศีลให้พรในวัดฉลองการสร้างวัดเสร็จ แต่ปรากฎว่าเนื้อหาที่ท่านได้เทศนากล่าวว่า บุญจากการสร้างโรงโสเภณี ได้เศษบุญเท่านั้น เพราะเป็นการทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก หรือเกิดจากความไม่สมัครใจของหญิงสาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด ทำให้ยายแฟงโกรธมาก ภายหลังจึงแก้หน้าด้วยการนิมนต์พระรูปที่สองมาเทศน์ ซึ่งก็คือทูลกระหม่อมพระ (ภายหลังสึก คือ รัชกาลที่ 4) ท่านก็ทรงเทศน์ไปในทางเดียวกัน
ภายในวัดนี้ยังมีรูปปั้นของยายแฟง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูล “เปาโรหิตย์” ซึ่งหากใครได้ไปเที่ยวถนนเยาวราช ก็ควรเข้าไปสักการะหลวงพ่อทองคำ และได้เดินสัมผัสสิ่งที่แม่แฟงได้สร้างไว้ถึงคนรุ่นหลัง
2. ย่านสัมพันธวงศ์ ถนนมังกร
จุดเช็กอิน : วัดกันมาตุยาราม พ.ศ. 2407 (สร้างสมัยรัชกาลที่ 4)
ถนนมังกร เขตสัมพันธวงศ์ ถนนมังกร
วัดกันมาตุยารามตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดคณิกาผลมากนัก ปัจจุบันอยู่บนถนนมังกร เขตสัมพันธวงศ์ วัดนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2407 หลังจากสร้างวัดคณิกาถึง 31 ปี ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 และมีความเกี่ยวข้องกับวัดคณิกาผลโดยตรง ผู้สร้างคือ “แม่กลีบ” เป็นบุตรสาวของแม่แฟง ผู้ซึ่งมีศรัทธาแรงกล้าที่นำเงินจากการประกอบอาชีพมาสร้างวัด และในครั้งนี้บุตรของแม่กลีบ ได้รับราชการถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 มีชื่อว่า กัน สาครวาสี (พระดรุณรักษา) เมื่อนางกลีบสร้างวัดเสร็จแล้วถวาย จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “วัดกันมาตุยาราม”
วัดนี้สร้างบนเนื้อที่สวนดอกไม้ย่านพลับพลาไชย จึงเป็นวัดที่มีขนาดเล็ก มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจคือ สถูปมอญขนาดใหญ่ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรเป็นที่เรียบร้อย
3.ย่านพลับพลาไชย วรจักร
จุดเช็กอิน : สถานรักษาหญิงโสเภณี พ.ศ. 2441 (สมัยรัชกาลที่ 5)
โรงพยาบาลกลาง ถนนพลับพลาไชย เขตพระนคร
โรงพยาบาลรักษาหญิงโสเภณี ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2441 ปัจจุบันยังคงให้บริการอยู่ในชื่อ “โรงพยาบาลกลาง” ซึ่งแทบจะถือว่าเป็นโรงพยาบาลการแพทย์สมัยใหม่รักษาไพร่ฟ้าประชาชน ที่อายุยาวนานอีกโรงพยาบาลหนึ่ง รองมาจากโรงพยาบาลศิริราช ที่ประวัติศาสตร์ทำให้ลืมเลือนไปแล้วว่า เดิมพื้นที่นี้เป็นสถานพยาบาลรักษาหญิงโสเภณีมาแต่ต้นรัตนโกสินทร์ และเมื่อมีการตรากฎหมาย พระราชกำหนดสุขาภิบาล ในขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนรัชกาลที่ 5 ก็ได้รับพระราชทานอนุญาตในวันที่ 24 พ.ค. 2441 ให้ยกสถานะสร้างเป็นโรงพยาบาล สำหรับรักษาหญิงโสเภณีที่ป่วยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ภายหลังมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนสถานะเป็นโรงพยาบาลกรมพลตระเวนเพื่อรักษาผู้ป่วยวจากคดีต่างๆ ของกระทรวงนครบาล
4. ย่านสำเพ็ง
จุดเช็กอิน : ตลาดสำเพ็ง พ.ศ 2452 (สมัยรัชกาลที่ 5)
ตรอกน่ำแช ตลาดสำเพ็งในปัจจุบัน
ผู้ที่อยู่อาศัยย่านตลาดสำเพ็งยุคนั้นเป็นชาวมอญ เขมร ที่อพยพมาตั้งแต่อยุธยา และกรุงธนบุรี ตลาดสำเพ็งมีตรอกเล็กๆ ที่มีชื่อว่า “ตรอกน่ำแช” เป็นที่รู้กันว่ามีโรงโสเภณีกันอย่างแพร่หลาย นิยมกันอย่างถูกกฎหมายในยุค พ.ศ 2452 ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาหลังยุคบางกอกคณิกา 20 – 30 ปี หญิงโสเภณีชาวจีนให้บริการเฉพาะชาวจีนด้วยกันเท่านั้น ถ้าจะเข้าไปได้ก็ถือว่าเป็นผู้มียศ มีบรรดาศักดิ์ มีอภิสิทธิ์พิเศษนั่นเอง เล่ากันว่าหญิงโสเภณีโคมเขียวตรอกน่ำแช แพงกว่าที่อื่น ใครจะใช้บริการต้องจ่าย 6 สลึง ในขณะที่โรงโสเภณีทั่วไปราคาเพียง 2 สลึงเท่านั้น
5. ย่านตรอกสาเก เสาชิงช้า
จุดเช็กอิน : แพร่งสรรพศาสตร์ (พ.ศ. 2473 – 2500)
ตรอกสาเก ใกล้เสาชิงช้า
บันทึก โดย ขุนวิจิตรมาตรา (กาญจนาคพันธุ์) จากหนังสือกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เล่าถึงความโด่งดังในยุค พ.ศ. 2473 ของตรอกสาเก ย่านแพร่งสรรพศาสตร์ ที่มีตึกแถวแหล่งที่อยู่ของหญิงโสเภณีที่ย้ายมาจากถนนราชดำเนิน มาเช่าตึกแถวอยู่กันเป็นหลัง หรือห้องแถวเพื่อให้บริการค้าประเวณี โดยแอดมินเคยอ่านมาจากที่อื่นว่า ในห้องเช่านี้จะมีขวดน้ำปลาหรือขวดเหล้าที่เปลี่ยนสถานะมาใส่น้ำเปล่า 2 ขวด เอาไว้ให้ล้างตัวหลังเสร็จกิจ นั่นคือห้องน้ำหรือโรงแรมแบบคลาสสิค ที่ฟังแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกามโรคระบาดหนักไปเกินครึ่งเมือง
6. ย่านพาหุรัด
จุดเช็กอิน : สะพานถ่าน พ.ศ. 2500
ปัจจุบันคือย่านดิโอลด์สยาม พาหุรัด
ถัดมาจากย่านแพร่งสรรพศาสตร์ ก็มีซ่องหลากหลายแห่ง อยู่ด้านหลังวัดราชบพิธ เคยเป็นที่ตั้งของวังสะพานถ่าน ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจาอยู่หัวได้ซื้อที่ดินตลาดจากชาวบ้าน สร้างเป็นวังให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย ภายหลังพระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ ไม่มีทายาทสืบทอด ภายหลัง รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานให้“สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ” ต้นราชกุลเทวกุล แต่เมื่อท่านได้ย้ายไปอยู่วังเทวะเวสม์ในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ดินบริเวณนี้จึงกลับมาเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผู้ที่ได้กรรมสิทธิ์สร้างขึ้นเป็นตลาด ชื่อ “ตลาดบำเพ็ญบุญ” และกลายเป็นแหล่งรวมความบันเทิงของบุรุษ จนกระทั่งเป็นแหล่งเสื่อมโทรมแห่งหนึ่ง ภายหลังได้รับการปรับปรุงดูแลจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้สร้างเป็นศูนย์การค้าดิโอลด์สยามพลาช่า ให้ดูหรูหรา ทันสมัย ลบภาพซ่องโสเภณี โรงฝิ่นต่างๆ
7. ย่านบางลำพู
จุดเช็กอิน : ถนนบางลำพู – วิสุทธิกษัตริย์ พ.ศ. 2510
ย่านกระทรวงมหาดไทย

ราวปี พ.ศ. 2510 โรงแรมย่านถนนบางลำพูถึงวิสุทธิกษัตริย์ เป็นที่รู้กันว่ามีสถานะเป็นโรงแรมจิ้งหรีด หรือม่านรูด ที่มีผู้หญิงหากินรอให้บริการอยู่ ส่วนใหญ่ถูกพามาจากภาคเหนือ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่ามาด้วยความสมัครใจหรือยินดีมากับนายหน้าจัดหา สมัยนั้น ราคาค่าบริการอยู่ที่ 100 – 150 บาท
8. ย่านแม้นศรี ซอยสวนมะลิ
จุดเช็กอิน : แม้นศรี ราว พ.ศ. 2510
ซอยสวนมะลิ ถนนแม้นศรี ตัดเข้าเจริญกรุง
ซ่องโสเภณีย่านแม้นศรี ซอยสวนมะลิมีผู้เคยใช้บริการเล่าว่าเมื่อก่อน Sex Worker ผู้ให้บริการ เกรดดี สะอาด รักษาคุณภาพ เสมอต้นเสมอปลาย เมื่อเทียบกว่าที่อื่นจึงมีราคาที่สูง 100 กว่าบาทขึ้นไป เป็นแหล่งค้าบริการที่เปิดมานาน และเปิด 24 ชั่วโมง ซึ่งยุคหลังๆ ผู้หญิงเหล่านี้ก็กลายเป็นสตรีสูงวัย แต่ก็ต้องยังคงทำอาชีพนี้ เพราะไม่มีต้นทุนจะเปลี่ยนไปทำอาชีพไหน
9. ย่านประตูน้ำ บนคลองแสนแสบ
จุดเช็กอิน : สะพานเฉลิมโลก ราว พ.ศ. 2520
คลองแสนแสบ ใกล้ประตูน้ำ
ภายหลังที่ พ.ร.บ. ปราบปรามโสเภณีประกาศใช้แล้วใน พ.ศ. 2503 ก็ยังคงมีหลายสถานที่หลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกฎหมาย ลงไปให้บริการกันในน้ำ มีการเล่าต่อกันมาว่า บริเวณตลาดคลองแสนแสบเมื่อก่อน แถวสะพานเฉลิมโลก ไปถึงย่านประตูน้ำ มีโสเภณีเกรดต่ำให้บริการอยู่บนเรือแจว โดยมีนายหน้า คอยเรียกแขกให้ พายไปกลางน้ำ เสร็จกิจกามแล้วแจวกลับมาส่ง เล่ากันว่ามักเป็นผู้หญิงที่หมดทางทำมาหากินแล้วจริงๆ
10. ย่านบางขุนพรหม
จุดเช็กอิน : บ้านสีฟ้า ราว พ.ศ. 2530 – 2540
ย่านบางขุนพรหม ใกล้สะพานพระราม 8
ใครที่เคยผ่านไปย่านบางขุนพรหม แล้วเจอบ้านเรือนโบราณทาสีฟ้าๆ (ซึ่งปัจจุบันน่าจะหายากมาก ๆ แล้ว) เมื่อก่อนเคยเปิดเป็นสถานที่ให้บริการแก่บุรุษ บ้านช่องแถวนี้ล้วนแต่เป็นซ่องทั้งหมด ด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหารบังตาไว้ ราคาให้บริการสมัยนั้นอยู่ที่ 70 – 80 บาท ในห้อง มีกระโถน กับกระดาษทิชชู่ให้บริการ มีห้องอาบน้ำรวม จุได้ 20 – 30 คน ดังนั้นใครที่เคยไปใช้บริการ ก็รู้จักหน้าคร่าตากันหมด
การค้าบริการในพระนครมีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย เมื่อมี พ.ร.บ. ปราบปรามการค้าโสเภณี การขายตัวแบบโจ่งแจ้งก็ไม่ได้พบเห็นกันมาก แต่บรรดานักเที่ยวก็รู้กันอยู่ว่าจะไปหาผู้ค้า ผู้ขายกันได้ที่ไหน จาก 10 ย่านที่กล่าวมานี้ ก็กระจัดกระจายย้ายกันไปอยู่ตามสวนสาธารณะ หรือที่สาธารณะ อาทิ หัวลำโพง วังสราญรมย์ สวนลุมพินี ในช่วง พ.ศ. 2540 – 2550 ซึ่งปัจจุบันก็ปราบไม่หมด ยิ่งมีช่องทางออนไลน์ด้วยแล้ว ยิ่งตามจับกันยากขึ้นไปด้วยครับ
อาชีพโลเภณีนี้ทำให้เกิดโรคระบาดที่เรียกว่า “โรคบุรุษ” ทำให้มีผู้ชายเกิน 75% เป็นโรคซิฟิลิส หนองใน และอื่นๆ อยู่มาก และโรคนี้ได้ลดจำนวนลงมากในยุคปัจจุบัน ด้วยฝีมือของหมอหญิงท่านหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปรักษาตามซ่องต่างๆ ไว้มีโอากสจะกลับมาเล่าให้ฟังครับ
สุดท้ายนี้ใครที่อิงละครแล้วอยากจะแต่งตัวคอสตูมด้วยชุดไทยโบราณเต็มยศ เช็คอินกับ 10 สถานที่ที่ Myconten-thai.com เลือกมา ก็เข้าไปดูชุดไทยโบราณ-ชุดไทยพระราชนิยม 9 แบบ ได้ที่บทความ “รู้จักชุดไทยทั้ง 9 แบบ ที่ใช้ในโอกาสงานแต่งงาน และใส่ไปวัดทำบุญ” หรือหากต้องการเช่าชุดไว้ใส่เล่นๆ ก็คลิกได้ที่นี่
Read More :
- 5 สูตรน้ำจิ้มแจ่ว พร้อมวิธีทำง่ายๆ ทำกินเองไม่ง้อร้าน
- 5 อาหารเสริมเซราไมด์ บำรุงผม ผิวหนัง 2025
- 10 น้ำปลาร้าส้มตำ ยี่ห้อไหนอร่อย 2025
- 10 น้ำจิ้มข้าวมันไก่ ยี่ห้อไหนอร่อย 2025
- มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท เล่นเกมทั่วไปได้ มีรุ่นไหนบ้าง?











