ทำไมต้องทำการตลาดออนไลน์

เดี๋ยวนี้ แบรนด์ดังๆ เขาใช้การตลาดออนไลน์มาช่วยให้ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น  บนพื้นฐานที่ว่า เน้นพัฒนาสินค้าให้ดีมีคุณภาพที่ตลาดต้องการ และสื่อสารด้วยคอนเทนท์มากขึ้น

ซึ่งในยุคปัจจุบัน  คนที่จะเปิดอ่านข้อมูลของสินค้า เพื่อศึกษารายละเอียดนั้น มีสัดส่วนดังนี้

  • 45% คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
  • 3% Notebook
  • 7% Mobile Phone
  • 8% Tablet

และในการทำการตลาดออนไลน์ มีลำดับขั้นตอน ดังนี้

  • Online PR
    สร้างการรับรู้ สร้างทัศนคติต่อตราสินค้า และตัวสินค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยรู้ว่าลูกค้าของเราใช้ Platform ใดเขามาเจอสินค้าเรามากที่สุด เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นเข้าทางอินสตาแกรม  สินค้าเคสไอโฟนเข้าทางเฟซบุ๊กมากที่สุด เป็นต้น
  • Content Marketing
    เนื้อหาที่จะเป็นแผนควบคุมการเชื่อมโยงการตลาดทุกชนิดเพื่อกระชากใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น  เรากำลังขายรองเท้าผ้าใบ เน้นจุดขายที่สีสันและรูปทรง จึงมีคอนเทนท์พูดถึง “เทรนด์รองเท้า 10 แบบที่เดินสบายที่สุด” พอคนอ่านจบก็อยากจะได้สักคู่
  • Website & Landing Page
    การจัดการหน้าตาของเว็บไซต์ เปรียบเสมือนหน้าบ้านที่แขกจะได้เข้ามาเห็นเรา  ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าพื้นฐานทั่วไปของมนุษย์จะตัดสินใจจากหน้าตา  ถ้าหน้าแรกของเว็บเรายุ่งเหยิง ดูซับซ้อนอ่านไม่รู้เรื่อง ลูกค้าก็จะปิดทิ้งและไปดูเว็บอื่นที่อ่านง่ายกว่าอยู่แล้ว
  • E-mail Marketing
    แจ้งข่าวสารและโปรโมชั่น กระตุ้นยอดขายและเพิ่ม Traffic เข้าสู่เว็บไซต์  ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Lazada เมื่อเราซื้อของสักชิ้นไปเรียบร้อยแล้ว  ในวันข้างหน้า หรือเดือนถัดไปก็จะส่งส่วนลด โปรโมชั่นประจำเดือนมาให้เราติดตามอยู่เสมอ และเราก็จะไม่รู้สึกว่ามันรบกวนด้วย (เพราะเป็นสิ่งที่เราสนใจอยู่แล้ว)
  • Social Media Marketing
    การใช้เครื่องมือดิจิตอลสื่อสารตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย แม้ว่าสินค้าเราจะดีขนาดไหน  แต่ถ้าไม่พูดคุยกับลูกค้าเลย  ก็จะช้ากว่าคู่แข่งมาก  ในมุมที่เราอยากจะซื้อของชิ้นนี้ แล้ว inbox ไปถามเพจ หากเพจใดตอบเร็ว เราก็จะรู้สึกดี และตัดสินใจซื้อไวขึ้น เพราะเรารู้สึกว่าเขาบริการดี
  • SEO
    การทำให้แบรนด์ของเราถูกค้นหาเจอใน Search Engine ต่างๆ  ลักษณะการทำงานคล้ายกับการพูดคุยปากต่อปาก  เช่น  เราเดินไปตลาดแล้วถามหาร้านขายกาละมัง  ร้านที่หาเจอง่ายกว่าจะถูกจดจำได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว เมื่อเราถามจากป้า หรือญาติว่า “จะซื้อกาละมังได้จากที่ไหน” ร้านนั้นจะขึ้นมาเป็นร้านแรกที่ถูกนึกถึง และเราจะได้ข้อมูลเร็ว ดิ่งไปซื้อทันที SEO ก็เช่นกัน ถ้าเราจัดการคอนเทนท์ได้รู้เรื่อง คนอื่นก็จะเข้ามาหาเราได้อย่างง่าย   โดยเราไม่ต้องลงทุนซื้อโฆษณาเพิ่มเติมแต่อย่างไร
  • ROI
    การวัดผลจากการทำการตลาดออนไลน์กับต้นทุนที่ลงไป ยกตัวอย่างเช่น ใน 1 เดือน เราต้องรู้ว่าเราหมดเงินเสียค่าโฆษณาไปเท่าไหร่ แล้วได้กำไรเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่   ไม่เช่นนั้น เรามุ้งเน้นแต่ลงโฆษณาไปอย่างเดียว จะไม่รู้ว่ามันเพิ่ม Growth ให้กับองค์กรเรา หรือเฉยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 image

        หากคุณยังทำการตลาดแบบเก่าๆ ก็จะไม่มีทางตามทัน  และในอนาคตก็คงจะมีสื่อใหม่ในรูปแบบอื่นเกิดขึ้น  “การตลาดออนไลน์” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงนี้เท่านั้น  อย่าปิดใจอยู่กับสิ่งเดิมๆ ที่จะทำให้แบรนด์ของคุณหลุดยุคหยุดอยู่กับที่ .. เพื่อความอยู่รอดของบริษัทคุณปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันยุคเถอะครับ ^^

Advertisement

2 Comments

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s