ใครที่เพิ่งเริ่มหัดขับรถมักได้ยินคำแนะนำว่า “ไม่ควรขับรถยนต์ใกล้รถบรรทุก” ไม่เพียงแค่ความอันตรายจากสิ่งของที่มีโอกาสหล่นมาจากท้ายรถ ยังรวมถึงแรงลม และระยะเบรกที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่ารถชนิดอื่นๆ บทความนี้ Mycontent-thai.com จึงได้รวบรวม 10 เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรขับรถเข้าใกล้รถบรรทุก เพื่อให้คุณได้ทราบว่าควรหลบเลี่ยงในกรณีใดบ้าง
ทำไมถึงไม่ควรขับรถใกล้รถบรรทุก
1. จุดบอด (Blind Spots) มหาศาล
รถบรรทุกมีจุดบอดที่คนขับมองไม่เห็นหรือที่เรียกว่า “No Zones” ถึง 4 จุดหลัก คือ ด้านหน้าตรง, ด้านหลังบดบังกระจกมองหลัง, และด้านข้างทั้งสองฝั่ง หากคุณขับใกล้เกินไป คนขับรถบรรทุกจะมองไม่เห็นรถของคุณเลย ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกเบียดหรือชนเมื่อเขาเปลี่ยนเลน
2. ระยะเบรกที่ยาวกว่ารถปกติ
ด้วยน้ำหนักรถที่อาจสูงถึงหลายสิบตัน รถบรรทุกต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถมากกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 2-3 เท่า หากคุณขับปาดหน้าแล้วเบรกกระทันหัน รถบรรทุกจะไม่สามารถหยุดรถได้ทันและจะพุ่งเข้าชนท้ายรถคุณด้วยแรงปะทะมหาศาล
3. รัศมีวงเลี้ยวที่กว้างมาก
เวลาที่รถบรรทุกจะเลี้ยวซ้ายหรือขวา เขาจำเป็นต้อง “ตีวง” ออกไปอีกด้านก่อนเสมอ หากคุณพยายามแทรกตัวเข้าไปในช่องว่างระหว่างรถบรรทุกกับหัวโค้ง คุณอาจถูกเบียดหรือ “หนีบ” จนรถพังยับเยินได้
4. อันตรายจาก “ยางระเบิด”
ยางรถบรรทุกต้องรับน้ำหนักมหาศาลและมีความร้อนสะสมสูง หากยางเกิดระเบิดขึ้นขณะที่คุณขับขนานไปข้างๆ แรงระเบิดและเศษยางขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาสามารถกระแทกกระจกรถคุณแตก หรือทำให้คุณตกใจจนเสียหลักได้
5. สิ่งของตกหล่นจากท้ายรถ
ไม่ว่าจะเป็นหิน ดิน ทราย หรือสินค้าที่บรรทุกมา แม้จะมีการคลุมผ้าใบไว้อย่างดีแต่ก็มีโอกาสที่เศษวัตถุจะปลิวมาโดนกระจกหน้าของคุณจนแตกร้าว หรือถ้าเป็นของชิ้นใหญ่หล่นลงมา การทิ้งระยะห่างจะช่วยให้คุณมีเวลาหักหลบได้ทัน
6. แรงลมดูด (Wind Turbulence)
เมื่อคุณขับรถยนต์ขนาดเล็กขนานไปกับรถบรรทุกด้วยความเร็วสูง จะเกิดแรงดันอากาศและแรงลมดูดที่สามารถทำให้รถของคุณ “เซ” หรือเสียการทรงตัวได้ การทิ้งระยะห่างจะช่วยลดผลกระทบจากกระแสอากาศปั่นป่วนนี้
7. ทัศนวิสัยที่ถูกบดบัง
การขับจี้ท้ายรถบรรทุกจะทำให้คุณมองไม่เห็นสถานการณ์ข้างหน้าเลย (เช่น รถติด, อุบัติเหตุ, หรือทางโค้ง) คุณจะขับรถด้วยความเสี่ยงเพราะต้องฝากชีวิตไว้กับการตัดสินใจของคนขับรถบรรทุกเพียงอย่างเดียว
8. ความเสี่ยงจากการถอยหลัง
บนถนนที่เป็นเนินหรือการจอดติดไฟแดง รถบรรทุกขนาดใหญ่อาจมีการ “ไหล” ถอยหลังเล็กน้อยในช่วงที่ออกตัว หากคุณจอดจี้ท้ายเกินไป รถคุณอาจถูกชนหน้าโดยที่คนขับรถบรรทุกไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
9. สภาพร่างกายของคนขับ (Fatigue)
คนขับรถบรรทุกมักต้องเดินทางระยะไกลและทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมง ซึ่งอาจเกิดอาการ “หลับใน” หรือความอ่อนล้าสะสม การรักษาระยะห่างจะช่วยให้คุณมี “พื้นที่ปลอดภัย” หากรถบรรทุกเริ่มขับส่ายไปมาอย่างผิดปกติ
10. แรงกระแทกที่ต่างกัน (The Law of Physics)
ตามหลักฟิสิกส์ เมื่อวัตถุที่มีมวลมหาศาลชนกับวัตถุที่มวลน้อยกว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะรับแรงปะทะเกือบทั้งหมด การรักษาระยะห่างคือการลดโอกาสที่จะเกิดการปะทะที่รุนแรงที่สุด
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรทิ้งระยะห่างจากรถบรรทุกอย่างน้อย 4 วินาที (นับจากจุดที่รถบรรทุกผ่านไปจนถึงรถเรา) และหากต้องการแซง ควรแซงทางด้านขวาด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ และไม่ควรแซงในที่คับขันหรือหัวโค้ง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- 10 มอเตอร์ไซค์ยอดฮิต 2026 เหมาะธุรกิจรถเช่า
- รู้จัก “หมวกกันน็อค Arai” ทำไมถึงฮิต? พร้อมแนะนำ 10 รุ่นขายดี 2025
- แนะนำ 7 หมวกกันน็อคผู้หญิง (บิ๊กไบค์) ใส่เท่ มีสไตล์!
- วิธีขับรถเกียร์ออโต้ สำหรับมือใหม่ ถนอมเครื่องยนต์ไม่พังเร็ว
- ข้อดีและข้อควรระวัง เมื่อต้องการซื้อ “รถมอเตอร์ไซค์มือสอง” จากเจ้าของขายเอง

