หากคุณกำลังวางแผนจะเปลี่ยนที่นอนใหม่ การจัดการ “ที่นอนเก่า” ขนาดมหึมาคือโจทย์ที่ท้าทายกว่าที่คิด หลายคนเลือกที่จะยกไปทิ้งข้างถังขยะหรือที่รกร้างเพราะคิดว่าสะดวกที่สุด แต่ความจริงแล้วอาจนำมาซึ่งค่าปรับหรือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ บทความนี้รวบรวม 10 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจทิ้งที่นอนเก่า เพื่อให้คุณจัดการได้อย่างมืออาชีพและถูกต้องตามกฎหมายครับ
10 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนทิ้งที่นอนเก่า: จัดการอย่างไรให้ถูกวิธี ไม่โดนปรับ และเป็นมิตรต่อโลก
การทิ้งที่นอนไม่ใช่แค่การยกออกจากบ้านแล้วจบไป แต่นี่คือสิ่งที่คุณควรตรวจสอบก่อนเพื่อความคุ้มค่าและลดภาระต่อสังคม
1. ที่นอนคือ “ขยะชิ้นใหญ่” รถขยะทั่วไปไม่เก็บ
กฎพื้นฐานที่หลายคนไม่รู้คือ รถเก็บขยะตามหมู่บ้านหรือคอนโดส่วนใหญ่ “ไม่รับเก็บที่นอน” เนื่องจากระบบบีบอัดขยะบนรถไม่รองรับวัสดุที่มีโครงเหล็กสปริงขนาดใหญ่ การวางทิ้งไว้เฉยๆ อาจทำให้ที่นอนถูกปล่อยทิ้งไว้จนเน่าเสียและกีดขวางทางสัญจร
2. ทิ้งไม่ถูกที่ มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท
ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด การทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือขยะมูลฝอยในที่สาธารณะ นอกจุดที่กำหนด มีโทษปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท โดยเฉพาะการทิ้งลงคูคลองหรือพื้นที่รกร้าง นอกจากเสียเงินแล้วยังสร้างปัญหาผักตบชวาและน้ำท่วมขังอีกด้วย
3. บริการนัดหมาย “ขยะชิ้นใหญ่” ของสำนักงานเขต
หากคุณอยู่ใน กทม. ทุกสำนักงานเขตมีบริการนัดหมายเก็บขยะชิ้นใหญ่ถึงหน้าบ้าน โดยจะมีค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย (หลักร้อยบาท) คุณสามารถโทรเช็กเบอร์ฝ่ายรักษาความสะอาดของเขตที่ท่านอยู่เพื่อทำการนัดหมายล่วงหน้าได้เลย
4. โปรโมชั่น “เก่าแลกใหม่” (Trade-in) คือทางเลือกที่ดีที่สุด
แบรนด์ที่นอนชั้นนำหลายยี่ห้อมีโปรโมชั่นรับเทิร์นที่นอนเก่าเมื่อซื้อที่นอนใหม่ พนักงานจะทำการขนที่นอนเก่าไปกำจัดให้ทันทีที่คุณได้รับของใหม่ สะดวก ประหยัดเวลา และบางครั้งยังได้ส่วนลดเพิ่มหลักพันบาทอีกด้วย
5. ตรวจสอบ “สปริง” ก่อนทิ้ง (ขายรีไซเคิลได้)
หากที่นอนของคุณเป็นแบบสปริง โครงเหล็กด้านในสามารถขายเป็น “เศษเหล็ก” ได้ ราคาสปริงจากที่นอน 6 ฟุตอาจขายได้ประมาณ 100-200 บาท หากคุณมีเวลาแยกส่วนประกอบเอง การโทรเรียกซาเล้งมารับซื้อถึงบ้านเป็นทางเลือกที่ช่วยลดขยะได้ดี
6. ที่นอนยางพาราเก่า “ห้ามเผา” เด็ดขาด
ยางพารามีสารประกอบทางเคมีที่เมื่อเผาแล้วจะปล่อยก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อปอดและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง หากเป็นที่นอนยางพาราแท้และสภาพยังไม่เสื่อมจนเป็นผง แนะนำให้บริจาคหรือส่งโรงงานรีไซเคิลวัสดุแทน
7. สภาพแบบไหนที่ “บริจาค” ได้?
ก่อนจะทิ้ง ลองเช็กสภาพดูสักนิด หากที่นอนไม่ยุบจนเสียทรง ไม่มีรอยคราบฝังลึก และไม่มีกลิ่นเหม็นอับ คุณสามารถติดต่อมูลนิธิ เช่น วัดสวนแก้ว หรือ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อส่งต่อให้ผู้ยากไร้ เป็นการสร้างกุศลและจัดการขยะไปในตัว
8. ระวัง “ตัวเรือด” (Bedbugs) แพร่กระจาย
หากเหตุผลที่คุณทิ้งที่นอนคือปัญหา “ตัวเรือด” คุณควรฉีดพ่นสารกำจัดหรือห่อที่นอนด้วยพลาสติกให้มิดชิดก่อนนำออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงร้ายแพร่กระจายไปยังบ้านข้างเคียงหรือติดไปกับรถขนขยะ
9. การแยกชิ้นส่วนช่วยลดปริมาณขยะ
หากต้องทิ้งเอง การใช้มีดคัตเตอร์กรีดแยกชั้นผ้า ฟองน้ำ และสปริง จะช่วยลดปริมาตรที่นอนจากก้อนมหึมาให้เหลือเพียงมัดเล็กๆ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ขนย้ายได้ง่ายขึ้นหลายเท่าตัว
10. เช็กค่าธรรมเนียมในคอนโดมิเนียม
หากคุณอยู่คอนโด นิติบุคคลส่วนใหญ่มักมีกฎระเบียบเฉพาะเกี่ยวกับการทิ้งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ บางที่อาจมีจุดทิ้งเฉพาะ หรือบางที่อาจเรียกเก็บค่าบริการพิเศษเพื่อจ้างบริษัทภายนอกมาขนไปทิ้ง ควรสอบถามนิติฯ ก่อนยกออกมาวาง
การทิ้งที่นอนเก่าอย่างถูกวิธีอาจต้องใช้เวลาเตรียมการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์คือคุณจะได้พื้นที่ห้องนอนใหม่ที่สะอาดสะอ้าน โดยไม่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือต้องเสี่ยงกับค่าปรับตามกฎหมายครับ
Read More :


