ในปี 2025 เทคโนโลยีการแปลภาษาไม่ได้หยุดอยู่แค่การพิมพ์แล้วแปล แต่ก้าวไปถึงการแปลเสียงแบบโต้ตอบทันที และการแปลข้อความในแอปพลิเคชันอื่นโดยไม่ต้องสลับหน้าจอ สมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ๆ จึงถูกออกแบบมาให้รันโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้ด้วยตัวเอง เพื่อความรวดเร็วและความปลอดภัยของข้อมูล
1. Samsung Galaxy S25 Ultra
ยืนหนึ่งเรื่องการแปลภาษาด้วย Galaxy AI เวอร์ชันล่าสุด มาพร้อมฟีเจอร์ Live Translate ที่แปลบทสนทนาทางโทรศัพท์ได้ทันที และ Interpreter Mode ที่ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ช่วยแสดงผลการแปลให้คู่สนทนาเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะชิป Snapdragon 8 Elite ที่ช่วยให้การแปลแบบออฟไลน์ทำได้แม่นยำและรวดเร็วมาก
2. Google Pixel 10 Pro / 10 Pro XL
นี่คือ “Original AI Phone” จาก Google ที่รันแอปแปลภาษาได้ดีที่สุดในโลก ฟีเจอร์ Live Translate ของ Pixel สามารถแปลวิดีโอที่กำลังดูอยู่ หรือแปลแชทในแอปต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ผ่านชิป Tensor G5 ที่ออกแบบมาเพื่อ Google Translate และ Gemini โดยเฉพาะ
3. Samsung Galaxy Z Fold 7
สมาร์ทโฟนจอพับที่เหมาะที่สุดสำหรับการแปลเอกสาร ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้คุณสามารถเปิดแอป AI แปลภาษา (เช่น DeepL หรือ Gemini) ควบคู่ไปกับไฟล์งานได้ในโหมด Split Screen นอกจากนี้ยังมีโหมด “Dual Screen” ในการแปลบทสนทนาที่แสดงคำแปลให้ทั้งสองฝั่งเห็นคนละหน้าจอ
4. Xiaomi 15 Pro
โดดเด่นด้วยระบบ Xiaomi AI Vision ที่ใช้กล้องตรวจจับข้อความและแปลภาษาได้อย่างรวดเร็ว เหมาะมากสำหรับการใช้แปลป้ายบอกทางหรือเมนูอาหารในต่างประเทศ และยังมีฟีเจอร์ AI Subtitles ที่สร้างซับไตเติ้ลแปลภาษาไทยได้แบบสดๆ ขณะดูวิดีโอต่างชาติ
5. Honor Magic 7 Pro
มาพร้อมเทคโนโลยี AI ที่เน้นเรื่องการสื่อสารโดยเฉพาะ มีระบบ AI Privacy Call และการแปลภาษาที่เข้าใจบริบทเฉพาะทางได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ เหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องใช้ AI ช่วยแปลภาษาในการประชุมออนไลน์
6. OPPO Find X8 Ultra
OPPO ได้อัปเกรด AI ด้านภาษาให้ฉลาดขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้งาน ColorOS AI ที่ช่วยสรุปเนื้อหาและแปลอีเมลภาษาต่างประเทศได้ในปุ่มเดียว พร้อมกล้องระดับเทพที่ช่วยให้การสแกนเอกสารเพื่อแปลภาษาทำได้คมชัดที่สุด
7. Google Pixel 9a
สำหรับใครที่มองหามือถือราคาประหยัดแต่เน้นงานแปล Pixel 9a คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด เพราะได้รับชิป Tensor รุ่นเดียวกับรุ่นพี่ ทำให้ฟีเจอร์แปลภาษาอัจฉริยะเกือบทั้งหมดของ Google ใช้งานได้ลื่นไหลไม่แพ้รุ่นเรือธง
8. Vivo X200 Pro
Vivo เน้นการผสาน AI เข้ากับระบบถ่ายภาพและงานเอกสาร มีฟีเจอร์ AI ที่ช่วยแปลภาษาในไฟล์ PDF หรือ Word ได้โดยตรงจากหน้าจัดการไฟล์ สะดวกมากสำหรับคนทำงานสายวิชาการหรือกฎหมาย
9. Motorola Edge 60 Ultra
เป็นมือถือที่เน้นความคลีนของระบบ Android (Near Stock Android) ทำให้การรันแอป AI แปลภาษาอย่าง Google Translate หรือ Microsoft Translator ทำได้เสถียรมาก และยังมีฟีเจอร์ Smart Connect ที่ส่งหน้าจอแปลภาษาไปยังคอมพิวเตอร์ได้ทันที
10. Samsung Galaxy A56 5G
รุ่นระดับกลางที่รองรับฟีเจอร์หลักของ Galaxy AI บางส่วน เช่น การแปลแชทและการแปลหน้าเว็บ (Web Assist) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือที่มีฟีเจอร์แปลภาษาอัจฉริยะในงบประมาณประหยัด
เทคนิคการเลือกมือถือ Android เพื่อใช้แปลภาษา
- ชิปประมวลผล (NPU): เลือกชิปที่เน้น AI เช่น Snapdragon 8 Elite หรือ Google Tensor G5
- RAM: ควรมีอย่างน้อย 12GB เพื่อให้การรัน AI ในพื้นหลังลื่นไหล
- ความจุแบตเตอรี่: การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ใช้พลังงานสูง ควรเลือกรุ่นที่แบตเตอรี่ 5,000 mAh ขึ้นไป










