10 มอเตอร์ไซค์สำหรับขี่ทางไกล กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ก็รอด!

10 มอเตอร์ไซค์สำหรับขี่ทางไกล กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ก็รอด!

เพื่อนๆ ที่กำลังจะออกรถใหม่ปี 2026 เป็นรถมอเตอร์ไซค์สำหรับขับขี่ทางไกล ระยะทางยาวๆ เพื่อท่องเที่ยวหรือใช้ในชีวิตประจำวัน บทความนี้ Mycontent-thai.com รวบรวม 10 มอเตอร์ไซค์ที่ได้รับการยอมรับว่าตอบโจทย์การเดินทางไกลได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในกลุ่ม Big Scooter, Adventure Bike, และ Sport Touring พิจารณาจาก ความสบายในการนั่ง, ถังน้ำมันขนาดใหญ่, เครื่องยนต์ที่ทนทาน, และเทคโนโลยีช่วยขับขี่ เพื่อสมรรถนะที่ถูกใจคุณ

10 มอเตอร์ไซค์สายทัวริ่งยอดนิยม ขี่ทางไกลได้อย่างมั่นใจ

เราคัดเลือกรถจากหลากหลายประเภทที่โดดเด่นในเรื่องความทนทานและความสบายในการเดินทางไกล

1. Honda NC750X (NEW 2026)

Honda NC750X (NEW 2026)
Honda NC750X (NEW 2026)
  • จุดเด่น: ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับปี 2026 ขึ้นชื่อว่าเป็นรถ Adventure Touring ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุด มีจุดเด่นคือ ช่องเก็บของขนาดใหญ่ แทนถังน้ำมัน (ถังน้ำมันอยู่ใต้เบาะ) ที่สามารถใส่หมวกกันน็อกเต็มใบได้ เป็นรถที่ขับขี่ง่าย ประหยัดน้ำมัน และมีรุ่นเกียร์ DCT (Dual Clutch Transmission) ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล
  • รายละเอียด: เป็นรถทัวริ่งที่ใช้งานในเมืองได้ดีเยี่ยม ให้ความสบายในการเดินทางต่อเนื่อง
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Honda NC750X (NEW 2026) ได้ที่ LAZADA

2. BMW R 1250 GS

BMW R 1250 GS
BMW R 1250 GS
  • จุดเด่น: ตำนานแห่งรถ Adventure Touring และเป็นหนึ่งในรถทัวริ่งที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ Boxer ที่มีแรงบิดสูง ระบบกันสะเทือนที่ปรับได้อิสระ (Telelever/Paralever) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ครบครัน ให้ความสบายและความมั่นใจในการขับขี่ระยะทางไกลและทุกสภาพถนน
  • รายละเอียด: เน้นความทนทานขั้นสูงและเทคโนโลยีช่วยขับขี่ระดับพรีเมียม
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง BMW R 1250 GS ได้ที่ LAZADA

3. Yamaha XMAX Connected

Yamaha XMAX Connected
Yamaha XMAX Connected
  • จุดเด่น: สุดยอด Big Scooter ขวัญใจมหาชน ดีไซน์สปอร์ตแต่ให้ความสบายในการขับขี่ทางไกลอย่างไม่น่าเชื่อ เครื่องยนต์ BLUE CORE 300 ซีซี ที่ประหยัดน้ำมัน มีพื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะขนาดใหญ่ที่ใส่หมวกกันน็อกได้ถึง 2 ใบ พร้อมระบบเบรก ABS และ Traction Control
  • รายละเอียด: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสบายแบบรถออโตเมติก, ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์, และพื้นที่เก็บของเยอะ
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Yamaha XMAX ได้ที่ LAZADA

4. Kawasaki Versys 650

Kawasaki Versys 650
Kawasaki Versys 650
  • จุดเด่น: เป็นรถ Adventure Tourer ที่มีราคาเข้าถึงง่ายเมื่อเทียบกับสมรรถนะ ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง (Parallel Twin) ที่ทนทานและดูแลรักษาง่าย ท่านั่งหลังตรง และแฮนด์บาร์สูง ทำให้ขับขี่ได้สบายในระยะทางไกล มีชิลด์บังลมขนาดใหญ่ปรับระดับได้
  • รายละเอียด: เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้เริ่มต้นสายทัวริ่งที่ต้องการสมรรถนะระดับกลาง
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Kawasaki Versys 650 ได้ที่ LAZADA

5. CFMOTO 650 MT

CFMOTO 650 MT
CFMOTO 650 MT
  • จุดเด่น: มอเตอร์ไซค์ Adventure ราคาดีที่สุดในตลาด (ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 200,000 บาท) แต่ได้พละกำลังเครื่องยนต์ 649 ซีซี 2 สูบ ที่ให้กำลังเพียงพอต่อการเดินทางไกล ถังน้ำมันขนาด 18 ลิตร ทำให้วิ่งได้ยาวกว่า 400 กิโลเมตรต่อถัง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นสายลุยด้วยงบประมาณจำกัด
  • รายละเอียด: เน้นความทนทานและราคาเข้าถึงง่าย พร้อมอุปกรณ์พื้นฐานที่พร้อมลุย
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง CFMOTO 650 MT ได้ที่ LAZADA

6. Suzuki V-Strom 650 / 800DE

Suzuki V-Strom 650 / 800DE
Suzuki V-Strom 650 / 800DE
  • จุดเด่น: มอเตอร์ไซค์ Adventure ที่มีชื่อเสียงมายาวนานเรื่อง ความทนทานของเครื่องยนต์ V-Twin (ในรุ่น 650) และได้รับการอัปเกรดเป็นเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง (ในรุ่น 800DE) โดดเด่นด้วยเฟรมที่ออกแบบมาเพื่อความสบายในการเดินทางไกล แม้ต้องเจอลมปะทะก็ยังควบคุมได้ง่าย
  • รายละเอียด: เน้นความเชื่อถือได้ (Reliability) และท่านั่งที่ผ่อนคลาย
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Suzuki V-Strom 650 ได้ที่ LAZADA

7. Triumph Tiger Sport 660

Triumph Tiger Sport 660
Triumph Tiger Sport 660
  • จุดเด่น: มอเตอร์ไซค์ Sport Touring ขนาดกลางที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบเรียง (Triple Engine) อันเป็นเอกลักษณ์ของ Triumph ให้พละกำลังและแรงบิดที่ต่อเนื่อง นั่งสบายทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อนท้าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสปอร์ตแต่ยังคงความสบายในการทัวริ่ง
  • รายละเอียด: มีเทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ทันสมัยและระบบช่วงล่างที่รองรับการขับขี่แบบเร็วและนุ่มนวล
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Triumph Tiger Sport 660 ได้ที่ LAZADA

8. Yamaha Tracer 9 GT

Yamaha Tracer 9 GT
Yamaha Tracer 9 GT
  • จุดเด่น: สุดยอด Sport Touring ที่ใช้ขุมพลัง CP3 (Crossplane 3-Cylinder) ที่แรงและมีเสียงเครื่องยนต์ที่ไพเราะ ท่านั่งขับขี่สบายมาก แม้ขับด้วยความเร็วสูงเพราะมีชิลด์บังลมขนาดใหญ่และปรับได้ง่าย ตัวรถมีน้ำหนักเบาและคล่องตัว
  • รายละเอียด: เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการขับขี่ที่สนุกสนาน (Sporty) แต่ยังต้องการความสบายแบบทัวริ่งเต็มรูปแบบ
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Yamaha Tracer 9 GT ได้ที่ LAZADA

9. Honda Forza 350 / Forza 750

Honda Forza 350 / Forza 750
Honda Forza 350 / Forza 750
  • จุดเด่น: Big Scooter ระดับพรีเมียมของ Honda ที่ให้ความหรูหราและความสะดวกสบายสูง รุ่น 350 เหมาะสำหรับทัวริ่งทางไกลที่ไม่เน้นความเร็วสูงมากนัก ส่วนรุ่น 750 (หากมีจำหน่าย) จะให้กำลังเครื่องยนต์ที่สูงและระบบเกียร์ DCT ที่ยอดเยี่ยม
  • รายละเอียด: โดดเด่นเรื่องพื้นที่เก็บของใต้เบาะ, ชิลด์ไฟฟ้าปรับระดับได้, และความนุ่มนวลในการขับขี่
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Honda Forza 350 ได้ที่ LAZADA

10. Kawasaki Ninja 400 / Z400

 Kawasaki Ninja 400 / Z400
Kawasaki Ninja 400 / Z400
  • จุดเด่น: แม้จะเป็นรถ Sport แต่หลายคนเลือกใช้ในการเดินทางไกลเพราะเครื่องยนต์ 2 สูบ 400cc ให้กำลังที่เหมาะสมและทนทาน มีระบบ Assist & Slipper Clutch ที่ช่วยลดอาการล้อล็อกจากการเปลี่ยนเกียร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถที่มีน้ำหนักเบาและคล่องตัวในการเดินทาง
  • รายละเอียด: หากต้องการความสบาย ควรเปลี่ยนเบาะนั่งให้หนาขึ้น และติดตั้งชิลด์บังลมที่สูงขึ้นสำหรับการทัวริ่งโดยเฉพาะ
  • รับส่วนลดอุปกรณ์แต่ง Kawasaki Ninja 400 ได้ที่ LAZADA

🛣️ ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการเดินทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่

  • เตรียมยางที่เหมาะสม: เลือกรุ่นยางที่เน้นความทนทานต่อการเดินทางระยะทางไกล และยึดเกาะถนนได้ดี
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: ทุกๆ การเดินทาง 200 กิโลเมตร ควรหยุดพักยืดเส้นยืดสายประมาณ 15-30 นาที
  • อุปกรณ์เสริม: การติดตั้งกล่องเก็บของท้ายรถ (Top Box) หรือกล่องข้าง (Side Panniers) จะช่วยให้การจัดเก็บสัมภาระทำได้ง่ายและสะดวกขึ้นมาก

ไม่ว่าคุณจะเลือกมอเตอร์ไซค์รุ่นใดใน 10 รุ่นนี้ คุณก็มั่นใจได้ว่าการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่จะเป็นทริปที่น่าประทับใจและปลอดภัยอย่างแน่นอน

ใส่ความเห็น