อาหารสุนัข Royal Canin (รอยัล คานิน) เป็นแบรนด์อาหารสุนัขระดับพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยจุดเด่นด้านโภชนาการที่เน้นความเฉพาะเจาะจงสูง (Tailor-made nutrition) โดยแบ่งสูตรตามขนาดสายพันธุ์ (Mini, Medium, Maxi, Giant), ช่วงวัย (Puppy, Adult, Senior) และความต้องการพิเศษด้านสุขภาพ (Veterinary Diet)
เนื่องจาก Royal Canin มีสูตรที่หลากหลายมาก ราคาจึงมีความผันผวนสูงมากตามสูตรและขนาดบรรจุภัณฑ์ บทความนี้จะสรุปช่วงราคาโดยประมาณของอาหารสุนัข Royal Canin ในท้องตลาดไทย เพื่อให้คุณวางแผนงบประมาณได้อย่างเหมาะสม
ช่วงราคาโดยรวมของอาหารสุนัข Royal Canin
โดยทั่วไปแล้ว Royal Canin จะมีราคาสูงกว่าอาหารเกรดประหยัดในตลาด แต่ให้ความมั่นใจด้านความแม่นยำทางโภชนาการ
1. ราคาต่อหน่วยขนาดเล็ก (500 กรัม – 2 กิโลกรัม)
- สำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก (Mini/X-Small) หรือสูตรลูกสุนัข (Puppy):
2. ราคาต่อหน่วยขนาดกลาง (4 กิโลกรัม)
- สำหรับสุนัขพันธุ์กลาง (Medium) และพันธุ์ใหญ่ (Maxi/Giant):
3. ราคาต่อหน่วยขนาดใหญ่ (10 กิโลกรัม – 15 กิโลกรัม)
- สำหรับสุนัขโตพันธุ์กลาง/ใหญ่ หรือสูตรเฉพาะทางบางสูตร:
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา Royal Canin
ราคาสินค้าของ Royal Canin จะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของสูตรอาหาร ซึ่งสามารถจัดกลุ่มตามราคาสูงไปต่ำได้ดังนี้:
1. กลุ่มราคาสูงที่สุด: สูตรรักษาโรค (Veterinary Diet)
- ตัวอย่างสูตร: Gastrointestinal Low Fat, Renal (สำหรับโรคไต), Urinary (สำหรับปัสสาวะ), Hypoallergenic (สำหรับภูมิแพ้)
- ช่วงราคา: สูตรเหล่านี้มักมีราคาต่อกิโลกรัมที่สูงที่สุด เนื่องจากต้องควบคุมสารอาหารอย่างเข้มงวดตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ มักไม่มีจำหน่ายในขนาดใหญ่
2. กลุ่มราคาสูง: สูตรตามสายพันธุ์ (Breed Specific)
- ตัวอย่างสูตร: Labrador Retriever Adult, French Bulldog Puppy, Golden Retriever Adult
- จุดเด่น: เม็ดอาหาร (Kibble) ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับรูปทรงกรามและการเคี้ยวของแต่ละสายพันธุ์ รวมถึงสารอาหารที่เน้นจุดอ่อนเฉพาะของสายพันธุ์นั้น ๆ
3. กลุ่มราคาปานกลาง: สูตรตามขนาด/ช่วงวัย (Size & Age)
- ตัวอย่างสูตร: Mini Puppy (ลูกสุนัขพันธุ์เล็ก), Medium Adult (สุนัขโตพันธุ์กลาง), Maxi Ageing (สุนัขสูงวัยพันธุ์ใหญ่)
- จุดเด่น: เน้นสารอาหารที่ตรงตามความต้องการด้านพลังงานและการเติบโตตามช่วงอายุและขนาดตัว เป็นสูตรที่มีราคาต่อกิโลกรัมคุ้มค่าที่สุดเมื่อซื้อขนาดใหญ่
คำแนะนำในการเลือกซื้อให้คุ้มค่า
- ซื้อขนาดใหญ่ที่สุด: หากสุนัขของคุณไม่มีปัญหาการแพ้และกินอาหารสูตรเดิมต่อเนื่อง การซื้อขนาด 10 กิโลกรัม หรือ 15 กิโลกรัม (สำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่) จะช่วยลดต้นทุนต่อกิโลกรัมได้มากถึง 50%−100% เมื่อเทียบกับขนาดถุงเล็ก
- ระวังสูตรเฉพาะทาง: หากสุนัขไม่ได้มีอาการป่วยหรือความต้องการเฉพาะ (เช่น ทำหมันแล้ว) การซื้อสูตรทั่วไปจะประหยัดกว่าสูตรควบคุมน้ำหนัก (Light/Sterilised) หรือสูตรรักษาโรค
- ติดตามโปรโมชั่น: Royal Canin มักมีโปรโมชั่นส่วนลดหรือของแถมเมื่อซื้อขนาดใหญ่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรเปรียบเทียบราคาจากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการ
นอกจากอาหารเม็ดทั้ง 3 ช่วงขนาดสุนัขที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว Royal Canin ยังมีสินค้าอาหารเปียกสุนัข ทั้งแบบซอง (คลิกสั่งซื้อที่นี่) และแบบกระป๋อง (คลิกสั่งซื้อที่นี่) ในราคาพิเศษยกแพ็คอีกด้วย หากเพื่อนๆ เลี้ยงสุนัขหลายตัว ก็สามารถเก็บโค้ดส่วนลดตุนอาหารได้จาก SHOPEE และ LAZADA ได้เลยค่ะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- อาหารอะไรที่เหมาะสำหรับสุนัข? คู่มือโภชนาการที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาว!
- สุนัขไม่กินข้าว อยู่ได้กี่วัน? สัญญาณอันตรายและเมื่อไหร่ที่ต้องรีบพบแพทย์ฉุกเฉิน!
- 10 วิตามินและอาหารเสริมสำหรับสุนัข ยี่ห้อไหนดี 2025 บำรุงสุขภาพครบด้าน ให้น้องหมาแข็งแรง
- รู้จัก Antinol สุนัขของแท้ สรรพคุณดูแลกระดูก มีวิธีกินอย่างไร
- 5 อาหารสุนัขยี่ห้อไหนดี! สำหรับสายพันธุ์เล็กและสายพันธุ์ใหญ่




