เห็ดหูหนูดำ (Black Wood Ear Mushroom) ไม่ได้เป็นเพียงส่วนประกอบในอาหารจีนเท่านั้น แต่ยังถูกจัดเป็น “ยาบำรุงเลือดและพลัง” ในตำราแพทย์แผนจีนมาอย่างยาวนาน ด้วยลักษณะเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบอร่อย และคุณสมบัติทางยาที่โดดเด่น ทำให้เห็ดชนิดนี้ถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดเห็ดเพื่อสุขภาพ หากคุณสงสัยว่าเห็ดหูหนูดำมีสรรพคุณอะไรบ้าง และมีข้อควรระวังหรืออันตรายหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบที่ครบถ้วนสำหรับคุณ!
เห็ดหูหนูดำ มีสรรพคุณอะไรบ้าง?
จากองค์ความรู้แพทย์แผนจีนที่สืบทอดกันมา ได้ระบุว่า “เห็ดหูหนูดำ” เป็นอาหารธาตุเย็น ที่ช่วยระบบไหลเวียนโลหิต มีสรรพคุณหลักที่เกี่ยวกับเลือดและระบบการทำงานของอวัยวะภายใน ดังนี้
1. เห็ดหูหนูดำ สรรพคุณสุดยอดอาหารบำรุงเลือดและลดไขมัน
- บำรุงพลังเลือดยินของไต: ช่วยบำรุงสมอง หัวใจ และตับไต ให้ทำงานได้อย่างปกติ
- ต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด: สารสำคัญในเห็ดหูหนูดำมีคุณสมบัติคล้ายยาต้านการแข็งตัวของเลือดอ่อนๆ ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิด ลิ่มเลือดอุดตัน ในหลอดเลือดสมองและหัวใจ
- ลดไขมันและคอเลสเตอรอล: มีโพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) ที่ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) และลดคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง
2. เห็ดหูหนูดำ สรรพคุณดีต่อระบบขับถ่ายและลำไส้
- ใยอาหารสูง: เห็ดหูหนูดำมีใยอาหาร (ไฟเบอร์) สูงมาก ทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่
- ป้องกันท้องผูก: ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีและง่ายขึ้น ป้องกันอาการท้องผูกและโรคริดสีดวงทวาร
3. เห็ดหูหนูดำ สรรพคุณในการห้ามเลือด
- ทำให้เลือดเย็น: ในตำราแพทย์จีน ระบุว่าเห็ดหูหนูดำมีสรรพคุณช่วยให้เลือดเย็น (ลดความร้อนในระบบเลือด)
- เหมาะสำหรับเลือดออกเนื่องจากเลือดร้อน: ใช้รักษาอาการตกเลือดต่าง ๆ เช่น อุจจาระเป็นเลือด, ปัสสาวะเป็นเลือด, หรือประจำเดือนมามากผิดปกติ (ที่เกิดจากภาวะเลือดร้อน)
4. สารอาหารที่สำคัญอื่น ๆ ในเห็ดหูหนูดำ
เห็ดหูหนูดำให้พลังงานต่ำ (ประมาณ 25 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 กรัม) แต่มีแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม (บำรุงกระดูกและฟัน), เหล็ก (เสริมสร้างโลหิต), และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
เห็ดหูหนูดำ อันตรายไหม? ⚠️
เมื่อมองสรรพคุณด้านประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว เห็ดหูหนูดำ อันตรายไหม? มีคำแนะนำว่าไม่ควรรับประทานตอนกลางคืน และไม่ควรกินเยอะเกินไป เนื่องจากมีคุณสมบัติ “เย็น” จึงมีข้อควรระวังในการรับประทานดังนี้
- ห้ามกินมากในช่วงเวลากลางคืน: ตามตำราแพทย์จีน ช่วงเวลากลางคืนธาตุเย็นในร่างกายจะทำงานมากกว่าธาตุร้อน การรับประทานเห็ดหูหนูดำที่มีฤทธิ์เย็นมากเกินไปในเวลากลางคืน อาจทำให้ร่างกายเย็นเกินไปได้
- อาการที่บ่งบอกว่าได้รับความเย็นมากไป: อาจมีอาการตาแฉะ, มีน้ำมูกไหล, หรือรู้สึกตัวเย็นมากกว่าปกติ
- ผู้ที่มีระบบการย่อยอาหารไม่ดี หรือมีภาวะร่างกายที่ค่อนข้างไปทางเย็นมาก ๆ (เช่น มีอาการท้องอืด, ท้องเสียบ่อย) ควรรับประทานแต่น้อย หรือควรมีอาหารหรือสมุนไพรอื่นที่มีคุณสมบัติร้อนประกอบด้วย
**ข้อควรระวังทางการแพทย์**
- ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด (Blood Thinners): เนื่องจากเห็ดหูหนูดำมีคุณสมบัติต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานในปริมาณมาก หากคุณกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดอยู่
- สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง: ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้เห็ดหูหนูดำเป็นสมุนไพรรักษาโรคเสมอ
เห็ดหูหนูดำเป็นอาหารมหัศจรรย์ที่มีประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบขับถ่ายอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงหรือความดันโลหิตสูง ถือเป็น “อาหารคาวของอาหารเจ” ที่ดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งสำคัญคือการรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพร่างกายของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะร่างกายเย็น ควรหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไปในช่วงเวลากลางคืนนะคะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

