ในยุคที่ความไม่แน่นอนบนท้องถนนสูงขึ้น กล้องติดรถยนต์ที่บันทึกเฉพาะตอนขับอาจไม่เพียงพอ Parking Mode (โหมดบันทึกขณะจอด) จึงกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนมองหา เพราะมันคือ “ยามเฝ้ารถ” ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยจับภาพเหตุการณ์ชนแล้วหนี หรือการงัดแงะในขณะที่เราไม่อยู่รถ
บทความนี้ได้รวบรวม 10 สุดยอดกล้องติดรถยนต์ประจำปี 2025 ที่โดดเด่นด้าน Parking Mode โดยเฉพาะ พร้อมเจาะลึกประเภทของโหมดจอดรถที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์การป้องกันรถของคุณได้ดีที่สุด
10 กล้องติดรถยนต์ที่ดีที่สุดพร้อม Parking Mode
นี่คือ 10 รุ่นกล้องติดรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีระบบ Parking Mode ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุด:
1. กล้องติดรถยนต์ BlackVue DR970X-2CH Plus (4K)
- จุดเด่น Parking Mode: เป็นผู้นำด้านระบบ Cloud Parking Mode ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในตลาด ด้วยการเชื่อมต่อ 4G/LTE (อุปกรณ์เสริม) ทำให้สามารถ ดูภาพสดทางไกล และรับการแจ้งเตือนทันทีผ่านสมาร์ทโฟนเมื่อรถถูกชนหรือมีการเคลื่อนไหวรอบรถ รองรับ Buffered Recording ที่เชื่อถือได้
- SHOPEE | LAZADA
2. กล้องติดรถยนต์ Thinkware U3000 (4K)

- จุดเด่น Parking Mode: ใช้เทคโนโลยี Built-in Radar Detection ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุได้ล่วงหน้าในระยะไกลก่อนที่จะเข้าปะทะกับรถ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้มหาศาล และยังรองรับ Super Night Vision 3.0 สำหรับภาพจอดรถกลางคืนที่สว่างชัดเจน
- SHOPEE | LAZADA
3. กล้องติดรถยนต์ 70mai Dash Cam A810 (4K)
- จุดเด่น Parking Mode: กล้อง 4K ที่คุ้มค่าที่สุด ใช้เซ็นเซอร์ Sony STARVIS 2 ให้ภาพคมชัดมากในที่มืด รองรับ Smart Parking Surveillance ที่มีการตรวจจับแรงกระแทก และสามารถตั้งค่าให้บันทึกแบบ Time-Lapse ได้เมื่อติดตั้ง Hardwire Kit เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่มราคาระดับกลาง
- SHOPEE | LAZADA
4. กล้องติดรถยนต์ Viofo A119 Pro Duo (2K/4K)
- จุดเด่น Parking Mode: กล้องที่เน้นคุณภาพวิดีโอแบบดิบๆ รองรับ Parking Mode ครบทุกรูปแบบ ได้แก่ Auto Event Detection (พร้อมบัฟเฟอร์), Time-Lapse และ Low Bitrate Recording ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดที่ประหยัดพลังงานที่สุดตามความเหมาะสมของสถานที่จอดรถ
- SHOPEE | LAZADA
5. กล้องติดรถยนต์ DDPAI N5 Dual (4K)
- จุดเด่น Parking Mode: โดดเด่นด้วยการใช้ eMMC Storage (หน่วยความจำในตัว) ร่วมกับ SD Card ทำให้การบันทึกมีความเสถียรสูงกว่า และมี Intelligent Parking Surveillance ที่แม่นยำในการตรวจจับแรงกระแทก พร้อมแจ้งเตือนผ่าน Wi-Fi เมื่อกลับเข้ามาในรถ
- SHOPEE | LAZADA
6. กล้องติดรถยนต์ Garmin Dash Cam Live (2K)
- จุดเด่น Parking Mode: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ การเชื่อมต่อ 24/7 กล้องรุ่นนี้มีบริการ Live View (ต้องสมัครแผนบริการ) ทำให้สามารถดูภาพสดจากกล้องได้ตลอดเวลาเมื่อรถจอดอยู่ พร้อมแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ ไปยังโทรศัพท์มือถือทันทีที่เกิดการชน
- SHOPEE | LAZADA
7. กล้องติดรถยนต์ Vantrue N4 Pro (4K+2K+1080P)
- จุดเด่น Parking Mode: กล้อง 3 ทิศทาง (หน้า-หลัง-ในรถ) ที่เน้นการป้องกันรอบคัน รองรับ Buffered Motion Detection ที่บันทึกก่อนและหลังเหตุการณ์ได้ครบถ้วน และกล้องภายในยังใช้เซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Night Vision) ช่วยให้เห็นภาพภายในรถได้ชัดเจนแม้ในที่มืดสนิท
- SHOPEE | LAZADA
8. กล้องติดรถยนต์ FineVu GX33
- จุดเด่น Parking Mode: กล้องจากเกาหลีที่เน้นความเสถียร มี Power Saving Mode ที่ช่วยลดการใช้พลังงานในโหมดจอดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเฝ้ารถได้ยาวนานเป็นพิเศษ พร้อมระบบ Super Night Vision 2.0 ในการบันทึกยามค่ำคืน
- SHOPEE | LAZADA
9. กล้องติดรถยนต์ Rove R2-4K Pro
- จุดเด่น Parking Mode: ตัวเลือก 4K ในราคาย่อมเยาที่ยังคงรักษาคุณภาพ Parking Mode ไว้ได้ดี รองรับ Time-Lapse Parking Mode และการตรวจจับแรงกระแทกผ่าน G-Sensor เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการภาพความละเอียดสูงขณะจอด
- SHOPEE | LAZADA
10. กล้องติดรถยนต์ Transcend DrivePro 250
- จุดเด่น Parking Mode: เน้นความทนทานและความเชื่อถือได้ในสภาพอากาศร้อน (ใช้ Super Capacitor) Parking Mode ทำงานโดยใช้ G-Sensor เพื่อตรวจจับแรงกระแทกและล็อคไฟล์วิดีโอฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันพื้นฐานที่มั่นคงและทนทาน
- SHOPEE | LAZADA
ประเภทของ Parking Mode ที่คุณควรรู้
Parking Mode ไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่มีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการใช้พลังงานของแบตเตอรี่รถยนต์และความสมบูรณ์ของหลักฐาน:
1. Time-Lapse Recording (บันทึกแบบเร่งความเร็ว)
- การทำงาน: กล้องจะบันทึกวิดีโอด้วยอัตราเฟรมที่ต่ำมาก (เช่น 1-5 ภาพต่อวินาที) ทำให้วิดีโอ 1 ชั่วโมงถูกบีบอัดให้เหลือเพียงไม่กี่นาที
- ข้อดี: ประหยัดพื้นที่จัดเก็บและใช้พลังงานต่ำมาก สามารถเฝ้ารถได้นานหลายวัน
- ข้อเสีย: ภาพอาจไม่ละเอียดเท่าการบันทึกปกติ อาจพลาดรายละเอียดเล็กน้อยในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
2. Impact/Motion Detection (ตรวจจับแรงกระแทก/การเคลื่อนไหว)
- การทำงาน: กล้องจะอยู่ในโหมดสแตนด์บายพลังงานต่ำ และจะเปิดบันทึกทันทีเมื่อ G-Sensor (ตรวจจับแรงกระแทก)ทำงาน หรือเมื่อมี การเคลื่อนไหว ผ่านหน้ากล้อง
- ข้อดี: ประหยัดพลังงานที่สุด จะบันทึกเฉพาะช่วงที่มีเหตุการณ์เท่านั้น
- ข้อเสีย: หากเป็นการชนที่ไม่แรงพอ กล้องอาจไม่เปิดบันทึก และการตรวจจับการเคลื่อนไหวในที่ที่มีคนเดินผ่านบ่อยอาจทำให้บันทึกบ่อยเกินไป
3. Buffered Recording (บันทึกแบบมีบัฟเฟอร์)
- การทำงาน: เป็น Parking Mode ที่ดีที่สุด! กล้องจะบันทึกข้อมูลแบบวนซ้ำในหน่วยความจำชั่วคราวตลอดเวลา และเมื่อมีการตรวจจับแรงกระแทกหรือการเคลื่อนไหว กล้องจะบันทึกไฟล์เหตุการณ์ที่สมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงช่วง 5-10 วินาทีก่อนเกิดเหตุ และช่วงหลังเกิดเหตุ
- ข้อดี: ได้หลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งช่วงที่เกิดเหตุและสาเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์นั้นๆ
คำเตือน: กล้องทุกรุ่นในรายการนี้จำเป็นต้องติดตั้ง Hardwire Kit (ชุดสายต่อตรง) เพื่อให้ Parking Mode ทำงานได้โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์หมด










