eSIM คืออะไร? ใช้อย่างไร? ครบจบทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ ก่อนเปลี่ยนมาใช้ซิมดิจิทัล

eSIM คืออะไร? ใช้อย่างไร? ครบจบทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ ก่อนเปลี่ยนมาใช้ซิมดิจิทัล

เทคโนโลยีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของเมืองไทยเราให้บริการ eSIM มาหลายปีแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าทำได้แล้ว บทความนี้ Mycontent-thai.com จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ eSIM (Embedded SIM) หรือ “ซิมดิจิทัล” ที่ไม่ต้องใส่ซิมการ์ดพลาสติก แต่ทำให้เครื่องโทรศัพท์มือถือของคุณใช้งานโทรและอินเตอร์เน็ตได้ มาจะเจาะลึกว่า eSIM คืออะไร แตกต่างจากซิมทั่วไปอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสีย และมือถือรุ่นไหนรองรับบ้างในปี 2025

eSIM คืออะไร? (Embedded SIM)

eSIM ย่อมาจาก Embedded Subscriber Identity Module คือ ซิมการ์ดรูปแบบดิจิทัล ที่ถูกฝังเป็นชิปขนาดเล็กมาก (ประมาณ 5 ตารางมิลลิเมตร) ไว้ในเมนบอร์ดของอุปกรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบเดิมอีกต่อไป

ข้อมูลโปรไฟล์เครือข่ายโทรศัพท์มือถือของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์, แผนบริการ, และการตั้งค่าต่างๆ จะถูก ดาวน์โหลด และ ติดตั้ง ลงบนชิป eSIM ผ่านระบบออนไลน์ แทนการใส่ซิมการ์ดพลาสติกจริง

eSIM แตกต่างจาก SIM Card ปกติอย่างไร?

คุณสมบัติSIM Card ทั่วไป (Nano SIM)eSIM (Embedded SIM)
รูปแบบชิปพลาสติก, ต้องถอดเปลี่ยนชิปดิจิทัลฝังในเครื่อง, ถอดไม่ได้
การเปลี่ยนเครือข่าย/เบอร์ต้องซื้อ/ขอซิมใหม่, ถอดซิมเก่าออกทำผ่านการตั้งค่า, ดาวน์โหลดโปรไฟล์ใหม่
ความยืดหยุ่น (หลายเบอร์)ใส่ได้ตามจำนวนถาดซิม (ปกติ 1-2 เบอร์)สามารถจัดเก็บได้หลายโปรไฟล์ (สูงสุด 5-8 เบอร์ ขึ้นอยู่กับรุ่น) และเปิดใช้งานได้พร้อมกัน 2 เบอร์ (Dual SIM)
การเดินทางต่างประเทศต้องเปลี่ยนซิมท้องถิ่นทุกครั้ง หรือใช้ Roamingดาวน์โหลดโปรไฟล์ eSIM ของประเทศปลายทางได้ทันที ไม่ต้องเปลี่ยนซิม
ความปลอดภัยถูกถอดออกได้หากเครื่องหายไม่สามารถถอดออกจากเครื่องได้ ทำให้ตามหาและล็อคเครื่องได้ง่ายกว่า

วิธีใช้งาน eSIM ติดตั้งง่ายๆ ผ่าน QR Code

การเปลี่ยนมาใช้ eSIM ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการไปซื้อซิมใหม่มาก โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

  1. ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่าย: แจ้งความประสงค์ในการเปลี่ยนมาใช้ eSIM (สำหรับเบอร์เดิม) หรือเปิดเบอร์ใหม่เป็น eSIM (ทำได้ทั้งแบบเติมเงินและรายเดือน)
  2. รับ QR Code: ผู้ให้บริการจะส่ง QR Code ที่มีข้อมูลโปรไฟล์ซิมของคุณมาให้ทางอีเมล หรือออกเป็นใบสลิป
  3. สแกนเพื่อติดตั้ง:
    • สำหรับ iPhone: เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) → เซลลูลาร์ (Cellular) → เพิ่มแผนบริการเซลลูลาร์ (Add Cellular Plan) → สแกน QR Code
    • สำหรับ Android (Samsung/Google Pixel): เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) → การเชื่อมต่อ (Connections) →ตัวจัดการ SIM (SIM Card Manager) → เพิ่ม eSIM (Add eSIM) → สแกน QR Code
  4. ตั้งค่าการใช้งาน: เมื่อติดตั้งสำเร็จ คุณสามารถตั้งชื่อเบอร์ (เช่น “ส่วนตัว” หรือ “ที่ทำงาน”) และเลือกเบอร์หลักสำหรับโทรออก และเบอร์สำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันที

ข้อดี-ข้อเสียของ eSIM ที่นักเดินทางและผู้ใช้งานต้องรู้

ข้อดีของ eSIM

  • สุดยอดความสะดวกสบายในการเดินทาง: นักเดินทางสามารถซื้อแผนบริการข้อมูล (Data Plan) จากผู้ให้บริการ eSIM ทั่วโลก และดาวน์โหลดติดตั้งได้ทันทีที่สนามบิน โดยไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนซิม ไม่ต้องพกเข็มจิ้มซิม
  • รองรับหลายเบอร์ในเครื่องเดียว: คุณสามารถมีเบอร์ส่วนตัวและเบอร์ที่ทำงานอยู่ในเครื่องเดียวได้ง่ายๆ โดยใช้ซิมจริง 1 ซิม (ถ้ามีถาดซิม) และ eSIM อีก 1 โปรไฟล์ เปิดใช้งานพร้อมกัน (Dual SIM)
  • เพิ่มความปลอดภัย: เนื่องจาก eSIM ฝังอยู่ในเครื่อง คนร้ายไม่สามารถถอดซิมออกเมื่อขโมยโทรศัพท์ไปได้ ทำให้ยากต่อการตัดการเชื่อมต่อเครือข่าย และช่วยให้การติดตามตำแหน่งทำได้ต่อเนื่อง
  • ลดพื้นที่ในอุปกรณ์: การไม่ใช้ถาดซิมช่วยให้ผู้ผลิตมีพื้นที่มากขึ้นในการใส่แบตเตอรี่ หรือส่วนประกอบอื่นๆ ลงในตัวเครื่อง

ข้อควรพิจารณาของ eSIM

  • ยังไม่รองรับทุกอุปกรณ์: แม้ว่าโทรศัพท์เรือธงรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะรองรับ แต่สมาร์ทโฟนรุ่นเก่าหรือรุ่นประหยัดบางรุ่นอาจยังไม่รองรับ
  • ไม่สามารถย้ายซิมได้ทันทีเมื่อเครื่องพัง/แบตหมด: หากโทรศัพท์เครื่องหลักเสียหรือแบตเตอรี่หมดกระทันหัน คุณจะไม่สามารถ “ถอด” eSIM ไปใส่เครื่องสำรองที่เป็นรุ่นธรรมดาได้ทันที ต้องติดต่อเครือข่ายเพื่อออก QR Code ใหม่สำหรับการย้ายเครื่อง
  • การสแกน QR Code เป็นสิ่งจำเป็น: ต้องมั่นใจว่าเก็บ QR Code (หรือไฟล์สำรอง) ไว้เป็นอย่างดี เพราะการย้ายเครื่องแต่ละครั้งต้องใช้การสแกนใหม่เสมอ

โทรศัพท์มือถือรุ่นไหนรองรับ eSIM ในปี 2025

ปัจจุบันผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ต่างผลักดันเทคโนโลยี eSIM ในโทรศัพท์เรือธงรุ่นใหม่ๆ แทบทั้งหมด โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา (อ้างอิงข้อมูลและแนวโน้มปี 2025):

1. Apple iPhone

iPhone 17 Air สีขาว

Apple iPhone รองรับตั้งแต่ iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR และรุ่นใหม่กว่าทั้งหมดในซีรีส์ iPhone 11, 12, 13, 14, 15 และรุ่นล่าสุดอย่าง iPhone 16 Series (ในสหรัฐฯ ได้ยกเลิกถาดซิมจริงไปแล้วตั้งแต่ iPhone 14)

2. Samsung Galaxy

มือถือทำคอนเทนต์ ยี่ห้อ Samsung Galaxy S25 Ultra
มือถือทำคอนเทนต์ ยี่ห้อ Samsung Galaxy S25 Ultra

Samsung Galaxy: รองรับในกลุ่มเรือธงและพรีเมียม ได้แก่ Galaxy S21, S22, S23, S24, S25 SeriesGalaxy Note 20 Series, และตระกูลจอพับอย่าง Galaxy Z Fold (ตั้งแต่รุ่น Fold3) และ Z Flip (ตั้งแต่รุ่น Flip3) และรุ่นใหม่ๆ

3. Google Pixel

มือถือทำคอนเทนต์ ยี่ห้อ Google Pixel 9 Pro XL
มือถือทำคอนเทนต์ ยี่ห้อ Google Pixel 9 Pro XL

Google Pixel: รองรับตั้งแต่ Google Pixel 3 และรุ่นใหม่กว่าทั้งหมด เช่น Pixel 8 และ Pixel 9 Series

4. โทรศัพท์มือถือรุ่นอื่นๆ ที่รองรับ eSim

มือถือทำคอนเทนต์ ยี่ห้อ HUAWEI nova 13 Pro
มือถือทำคอนเทนต์ ยี่ห้อ HUAWEI nova 13 Pro

อื่นๆ: โทรศัพท์จาก Huawei (เช่น P40, Mate 40 Pro), Sony Xperia (เช่น Xperia 1 V, 5 V), Xiaomi (เช่น Xiaomi 13, 14 Series) รวมถึงสมาร์ทวอทช์และแท็บเล็ตอีกหลายรุ่นก็รองรับ eSIM เช่นกัน

ถ้าโทรศัพท์มือถือของคุณรองรับ eSIM อยู่แล้ว ลองเปรียบเทียบโปรโมชั่น และความคมชัดของเครือข่ายกับพื้นที่ที่ใช้บริการ เพื่อการใช้งานอย่างคุ้มค่า และประหยัดค่าโทร ค่าเน็ตที่เคยจ่ายอยู่ปัจจุบัน

Read More :

ช่องทางการติดต่อกลุ่ม FACEBOOK : “โค้ดส่วนลด By Mycontent-thai.com

ซื้อของแท้จาก SHOPEE MALL | LAZADA MALL

เก็บโค้ดส่วนลดวันเลขเบิ้ล 1.1 – 12.12 : คลิก LAZADA | SHOPEE 
เก็บโค้ดส่วนลดกลางเดือน MIDMONTH SALE : คลิก 
LAZADA | SHOPEE 
เก็บโค้ดส่วนลดวันเงินเดือนออก PAYDAY : คลิก 
LAZADA | SHOPEE 

จองตั๋วเครื่องบินที่พักโรงแรมกับ  LAZADA by Agoda คลิกที่นี่
จองตั๋วเครื่องบินที่พักโรงแรมกับ SHOPEE คลิกที่นี่
จองตั๋วกิจกรรมที่พักโรงแรม www.Klook.com

ใส่ความเห็น