ในโลกที่เต็มไปด้วย “Love Language” หรือ “ภาษารัก” หลากหลายรูปแบบ มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกอบอุ่นหัวใจจากการสัมผัส เช่น กอด จับมือ หรือโอบไหล่ แต่ในขณะเดียวกัน… ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ ไม่ถนัดหรือไม่สบายใจกับการสกินชิพ (Skinship) เลยแม้แต่น้อย
คุณอาจกำลังสงสัยว่า
– เขาไม่รักเราหรือเปล่า?
– ทำไมจับมือแล้วเขาดึงมือออก?
– ทำไมกอดแล้วเขาดูอึดอัด?
คำตอบอาจไม่ได้เกี่ยวกับ “ความรัก” แต่เกี่ยวกับ “พื้นที่ใจ” ที่เขารู้สึกปลอดภัยต่างหาก
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ คนที่ไม่ชอบสกินชิพ ให้ลึกซึ้งขึ้น พร้อมวิธีประคองความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นด้วยความเข้าใจและไม่ล้ำเส้น
สกินชิพคืออะไร ทำไมบางคนถึง “ไม่ชอบ”?
Skinship (สกินชิพ) หมายถึงการสัมผัสทางร่างกายเพื่อสื่อสารความรู้สึก เช่น การกอด จับมือ หรือสัมผัสเบา ๆ ซึ่งบางคนรู้สึกสบายใจและเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ดีผ่านการสัมผัส
แต่สำหรับอีกหลายคน การถูกแตะต้องร่างกายกลับสร้าง “ความรู้สึกไม่ปลอดภัย” หรือ “ไม่เป็นตัวของตัวเอง” โดยเฉพาะหากเขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินกับการกอด หรือเคยมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับการสัมผัส
6 เหตุผลที่บางคน “ไม่ชอบสกินชิพ”
1. ภาษารักของเขาไม่ใช่แบบจับต้องได้
ตามทฤษฎี 5 Love Languages บางคนมีภาษารักแบบ “การกระทำ”, “คำพูดให้กำลังใจ”, หรือ “การใช้เวลา” มากกว่าการสัมผัส
2. เคยมีประสบการณ์ลบเกี่ยวกับการถูกแตะตัว
ประสบการณ์ในอดีต เช่น ถูกบังคับ หรือถูกแตะตัวในลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เขาหลีกเลี่ยงการสัมผัส
3. เป็นคนไวต่อสัมผัส (Tactile Sensitivity)
บางคนมีประสาทสัมผัสไวเกินไป การถูกแตะอาจทำให้รู้สึกอึดอัด เหมือนโดนรุกล้ำ แม้สัมผัสนั้นจะอ่อนโยน
4. มีขอบเขตส่วนตัวสูง (Personal Space)
บางคนให้ความสำคัญกับ “พื้นที่ส่วนตัว” มาก ๆ และรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้อยู่ห่างจากคนอื่นในระยะที่ตนควบคุมได้
5. สังคมครอบครัวไม่ได้ใช้สกินชิพเป็นภาษารัก
บางครอบครัวไม่แสดงความรักด้วยการกอด แต่ใช้การทำอาหารให้ หรืออยู่ด้วยเงียบ ๆ ทำให้ไม่ชินกับการสัมผัส
6. ความรักไม่จำเป็นต้องถูกแตะตัว
บางคนเชื่อว่า “ความรู้สึกลึกซึ้ง” ไม่ต้องใช้การสัมผัสเป็นตัววัด และเขาอาจสื่อรักด้วยวิธีอื่นที่เท่าเทียมกัน
เข้าใจเขาให้มากขึ้นด้วย 5 วิธีนี้
1. หยุดตีความว่าเขา “ไม่รัก”
การที่เขาไม่กอด ไม่ได้แปลว่าไม่รัก เขาอาจแสดงความห่วงใยด้วยวิธีอื่น เช่น ทำข้าวให้กิน หรือขับรถไปรับกลับบ้าน
2. ถามเขาอย่างเปิดใจ
“เธอรู้สึกยังไงเวลาเรากอด?” คือคำถามที่เปิดพื้นที่ให้เขาอธิบายตัวเองได้โดยไม่รู้สึกผิด
3. สื่อสารความต้องการของคุณด้วย
คุณสามารถบอกว่า “เราเป็นคนชอบกอดนะ แต่ถ้าเธอไม่สบายใจ เราเข้าใจนะ”
ความรักที่ดีเกิดจาก การประสานความต้องการ ไม่ใช่การกดดัน
4. หา “สกินชิพแบบกลาง ๆ” ที่เขารับได้
อาจไม่ถึงขั้นกอด แต่ลองเริ่มจากแตะหลังเบา ๆ หรือจับมือสั้น ๆ ก็พอ เป็นการค่อย ๆ ลดช่องว่าง
5. ให้เวลาและพื้นที่
ยิ่งเขารู้สึกว่าคุณ “เข้าใจ” และไม่บังคับ เขาอาจ “กล้าเปิดใจ” ให้มากขึ้นในวันข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
แล้วถ้าเราชอบสกินชิพ แต่เขาไม่ชอบเลย จะทำยังไง?
เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในคู่รักหรือแม้แต่ครอบครัว
คำตอบคือ:
ไม่ต้องเปลี่ยนใคร แต่อยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจ
ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการสกินชิพ ลองหาวิธีอื่นในการเติมเต็ม เช่น
- กอดเพื่อนสนิทบ้าง
- เลี้ยงสัตว์ที่ติดสกินชิพ เช่น หมา แมว กระต่าย
- นวด หรือทำกิจกรรมที่มีการสัมผัสแบบปลอดภัย
และอย่าลืมว่า ความรักคือการให้ ไม่ใช่แค่ “ฉันอยากได้” แต่คือ “เธอรู้สึกสบายใจไหมเมื่ออยู่กับฉัน”
สกินชิพไม่ใช่เครื่องวัดความรัก แต่ “ความเข้าใจ” ต่างหากคือคำตอบ
การที่ใครคนหนึ่งไม่ชอบสกินชิพไม่ได้แปลว่าเขาเย็นชา แต่คือเขาแค่ “พูดภาษาใจต่างจากคุณ”
เมื่อเราฟังให้ลึก เข้าใจให้มาก และไม่บังคับ เราจะค้นพบว่า
การไม่กอดกัน ก็สามารถใกล้ชิดกันได้… ถ้าหัวใจอยู่ที่จุดเดียวกัน
คำค้นหา : ไม่ชอบสกินชิพ,เข้าใจคนไม่ชอบแตะตัว,คนไม่ชอบถูกสัมผัส,ความรักแบบไม่มีการกอด,สกินชิพ จิตวิทยา
Read More :



