เมื่อเอ่ยถึง “ปาราชิก” หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นคำที่ชวนสะดุดหู มีความหมายในเชิงรุนแรง และอาจทำให้นึกถึงเรื่อง “พระทำผิด” หรือ “พระสึก” ทว่าความหมายแท้จริงของคำว่า “ปาราชิก” มีมิติเชิงศีลธรรม และเกี่ยวพันกับหลักพระธรรมวินัยในพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความเข้าใจว่า ปาราชิกคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีผลอย่างไรต่อผู้กระทำ และคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยว่า พระสงฆ์ที่ต้องอาบัติปาราชิก จะหมดสิทธิ์ในนิพพานจริงหรือไม่
ปาราชิกคืออะไร?
คำว่า ปาราชิก (Pārājika) มาจากภาษาบาลี แปลว่า “ผู้พ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด” หรือ “ผู้พ่ายแพ้ถึงที่สุด” โดยในพระวินัยปิฎกของพระพุทธเจ้า คำนี้ใช้หมายถึง อาบัติร้ายแรงสูงสุด ของภิกษุ ซึ่งเมื่อกระทำแล้ว จะต้อง ขาดจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติทันที ไม่สามารถบวชใหม่ได้ตลอดชีวิต ถือว่า “พ่ายแพ้ในธรรมวินัย” อย่างสิ้นเชิง
อะไรคือ 4 ข้อห้ามอันเป็นปาราชิก?
ในพระพุทธศาสนาสายเถรวาท ภิกษุจะต้องถือศีล 227 ข้อ โดยในนั้นมี 4 ข้อที่หากละเมิดจะทำให้ต้องอาบัติปาราชิกทันที ได้แก่:
1. เสพเมถุน
คือการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเพศใดก็ตาม แม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าละเมิดศีลปาราชิกทันที
ตัวอย่าง: พระภิกษุที่ล่วงละเมิดสีกา หรือแสดงพฤติกรรมทางเพศ
2. ลักทรัพย์
การขโมยของหรือเบียดบังทรัพย์ผู้อื่น ไม่ว่าจะมูลค่าเท่าใดก็ตาม หากถึงระดับที่ทางโลกลงโทษจำคุก ก็ถือว่าเข้าข่ายปาราชิก
ตัวอย่าง: พระขโมยของจากวัด หรือยักยอกทรัพย์จากญาติโยม
3. ฆ่าคน
ไม่ว่าจะฆ่าด้วยตัวเอง หรือบงการให้ฆ่า หรือแม้แต่ยุยงให้ฆ่าตัวตาย หากส่งผลให้ผู้อื่นเสียชีวิต ถือว่าเข้าข่ายปาราชิก
ตัวอย่าง: พระที่แนะนำโยมฆ่าตัวตาย หรือทำแท้ง
4. อวดอุตริมนุสธรรม
คือการ อวดว่าตนมีคุณวิเศษ ทั้งที่ยังไม่บรรลุจริง เช่น อวดว่าตนได้ฌาน บรรลุธรรม หรือได้อภิญญา
ตัวอย่าง: พระกล่าวว่า “เราบรรลุพระอรหันต์แล้ว” ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง
เมื่อภิกษุกระทำการตาม 4 ข้อนี้ จะขาดจากความเป็นพระทันที แม้ไม่มีใครรู้ แต่พระองค์ก็รู้ และธรรมวินัยก็บันทึกไว้ชัดเจน
พระที่ปาราชิกต้อง “สึก” หรือไม่?
ใช่ค่ะ — พระที่อาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากสมณเพศทันที แม้จะยังนุ่งห่มจีวรอยู่ ก็ไม่มีสถานะเป็นพระอีกต่อไป หากยังแสดงตนเป็นพระ ถือว่า “ลวงโลก” ผิดพระวินัยและอาจผิดกฎหมายบ้านเมืองด้วย
ปาราชิก = หมดสิทธิ์ในนิพพานหรือไม่?
นี่คือคำถามที่หลายคนสงสัย… หากพระกระทำผิดร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก จะยังมีโอกาส บรรลุนิพพาน ได้อยู่หรือไม่?
คำตอบคือ: “ยังไม่หมดสิทธิ์ในนิพพาน”
แม้บุคคลนั้นจะขาดจากความเป็นพระ แต่ยังเป็น ปุถุชนคนธรรมดา หากกลับใจ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า — ก็ยังสามารถบรรลุนิพพานได้ในฐานะฆราวาส หรือคนธรรมดาทั่วไป
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ธรรมะเป็นของกลางสำหรับผู้ปฏิบัติ ไม่ว่าจะฆราวาสหรือบรรพชิต
ตัวอย่างในพระไตรปิฎก:
ในอดีตก็มีฆราวาสที่บรรลุธรรมถึงพระอรหันต์ เช่น พ่อค้า คนใช้ คนธรรมดา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเข้าถึงนิพพานไม่ได้จำกัดเพียง “พระ” เท่านั้น
ปาราชิกในปัจจุบัน: ประเด็นที่ควรสังเกต
ในยุคนี้ ปัญหาพระอาบัติปาราชิกยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายครั้งอาจกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง เช่น
- พระล่วงละเมิดสีกา
- พระยักยอกเงินบริจาค
- พระหลอกว่า “บรรลุธรรม” เพื่อให้ศรัทธา
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ผิดพระวินัย แต่ยังบั่นทอนศรัทธาของพุทธบริษัทโดยรวม และบางครั้งผู้กระทำก็ยังไม่ยอม “สึก” ทั้งที่ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว
แม้บางคนจะผิดพลาดจนถึงขั้นต้องปาราชิก สิ่งที่สำคัญคือ “สติและการกลับใจ” พุทธศาสนาไม่เคยปิดโอกาสผู้ที่ต้องการกลับมาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ขอเพียงมีใจแท้จริงในการฝึกตน ก็ยังสามารถก้าวสู่หนทางแห่งการพ้นทุกข์ได้ — ไม่ว่าผู้นั้นจะเคยเป็นพระ หรือฆราวาสมาก่อนก็ตาม
คำค้นหา : ปาราชิก คือ,ปาราชิก 4 ข้อ,พระผิดปาราชิก,พระสึกเพราะปาราชิก ปาราชิก,หมดสิทธิ์นิพพานไหม
Read More :


