ในฐานะคนใช้รถเป็นประจำ หลายคนอาจยังไม่เคยสังเกต “ยาง” ซึ่งเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญของรถเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่จริงแล้ว ยางคือด่านแรกของความปลอดภัยที่สัมผัสพื้นถนนโดยตรง ถ้ายางเสื่อม ยางรั่ว หรือดอกยางหมด มันอาจไม่ได้แค่ทำให้ขับแล้วลื่นหรือกินน้ำมันมากขึ้น แต่มันอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุรุนแรงได้เลย
ข่าวดีคือ… เราสามารถเช็กยางเสื่อมด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งช่าง ไม่ต้องมีเครื่องมือพิเศษ ใช้แค่ตาเปล่ากับใจที่อยากดูแลรถให้ปลอดภัยแค่นั้นเอง
1. ดู “อายุยาง” จากข้างแก้มยาง
ก่อนอื่นเลย ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4–6 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและการเก็บรักษา
ถ้าอยากรู้ว่ายางเราอายุเท่าไหร่ ให้มองไปที่ “แก้มยาง” จะมีตัวเลข 4 หลักบอกสัปดาห์และปีที่ผลิต เช่น “1422” แปลว่า ยางผลิตสัปดาห์ที่ 14 ของปี 2022
✅ ถ้ายางเกิน 5 ปี และเริ่มมีรอยแตกลายงา แม้ดอกยางจะยังพอมีอยู่ก็ตาม ก็ควรพิจารณาเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย
2. สังเกต “รอยแตกลายงา” บนยาง
รอยแตกหรือรอยงาบนยางเป็นสัญญาณที่ชัดมากว่ายางเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ถึงจะไม่ได้รั่ว แต่เนื้อยางที่แห้งและแข็งทำให้เกาะถนนได้แย่ลง
ให้ลองใช้ไฟฉายส่องดูร่องดอกยางและขอบแก้มยาง หากเห็นลายงาแบบเส้น ๆ โดยเฉพาะตรงที่บิดงอขณะเลี้ยว แสดงว่าเนื้อยางเริ่มกรอบและหมดอายุแล้ว
3. ใช้ “เหรียญบาท” เช็กความลึกของดอกยาง
นี่คือวิธีง่ายสุดคลาสสิก!
ให้เอาเหรียญ 1 บาท (ที่มีเศียรพระบาท) เสียบลงไปร่องดอกยาง
- ถ้ารอยยางปิดมิดเศียร = ยังใช้ได้
- ถ้ามองเห็นเศียรเกินครึ่ง = ดอกยางตื้น อันตราย
โดยทั่วไป ความลึกของดอกยางไม่ควรต่ำกว่า 1.6 มม. สำหรับรถทั่วไป และ 3 มม. หากใช้ทางเปียกบ่อย
4. ดูสภาพ “ไหล่ยาง” ว่าสึกไม่เท่ากันหรือไม่
บางคนเปลี่ยนยางบ่อย เพราะเจอปัญหา “กินยางด้านเดียว” ซึ่งมักมาจากศูนย์ล้อไม่ตรง โช้คเสื่อม หรือช่วงล่างมีปัญหา
ลองก้มดูไหล่ยางทั้งซ้าย-ขวา ถ้ามีด้านใดด้านหนึ่งสึกมากกว่าชัดเจน แปลว่าไม่ใช่แค่ยางเสื่อม แต่รถอาจมีปัญหาอื่นด้วย ควรพาไปตรวจสอบอย่างละเอียด
5. ยางบวม ยางปูด ห้ามใช้เด็ดขาด!
ถ้าเห็นว่ายางมีปูดนูนผิดปกติ หรือมีฟองลมใต้ชั้นยาง ให้หยุดใช้ทันที เพราะนั่นคือสัญญาณว่าโครงสร้างด้านในเสียหาย อาจเกิดจากการกระแทกแรง ๆ (เช่น ขึ้นฟุตบาท) และเสี่ยง “ระเบิดยาง” ได้ทุกเมื่อ
6. เช็กแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ
ยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้ยางสึกตรงขอบนอกก่อน ยางที่แข็งเกินไปจะสึกตรงกลาง และถ้าเติมลมไม่เท่ากันระหว่าง 4 ล้อ ก็อาจทำให้พวงมาลัยเอียงหรือกินน้ำมันมากขึ้นได้
ควรเช็กลมยางเดือนละครั้ง หรือก่อนเดินทางไกล โดยยึดตามค่าที่แปะอยู่ข้างประตูคนขับ
เช็กยางเสื่อมเอง ไม่ยากเลย!
เชื่อไหมว่า ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เราก็สามารถรู้สภาพยางของตัวเองได้โดยไม่ต้องรอเข้าอู่ให้เสียเวลาเลย และมันคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับความปลอดภัยที่ได้กลับมา
ยางดี = เกาะถนนดี = ขับขี่มั่นใจ
ยางเสื่อม = เสี่ยงลื่นไถล = เสี่ยงชีวิต
อย่ารอให้เกิดอุบัติเหตุถึงค่อยมองหายางใหม่
หมั่นเช็กยางเดือนละครั้ง เริ่มจากวันนี้!
คำค้นหา : เช็กยางเสื่อม,ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ,อายุยางรถยนต์,ตรวจสอบยางรถเอง,ยางแตกเพราะเสื่อม
Read More :

