25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ภาพประทับใจที่ชาวไทยได้ชมผ่านข่าวพระราชสำนัก คือภาพในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระราชินีสุทิดา เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25–28 เมษายน พ.ศ. 2568 ด้วยการขับเครื่องบิน Boeing 737-800 เสด็จฯ จากประเทศไทยสู่ สนามบินนานาชาติพาโร (Paro International Airport) ซึ่งเป็นสนามบินที่ขึ้นชื่อว่าท้าทายที่สุดในโลก แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในการขับเครื่องบินพาณิชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระราชินีเป็นนักบินผู้ช่วย
ในหลวงขับเครื่องบินไปภูฏานด้วยพระองค์เอง
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขับเครื่องบิน Boeing 737-800 เสด็จฯ จากประเทศไทยสู่ สนามบินนานาชาติพาโร(Paro International Airport) ประเทศภูฏาน ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นสนามบินที่ขึ้นชื่อว่าท้าทายและเสี่ยงที่สุดในโลก เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงชัน ผู้ที่สามารถขับเครื่องบินลงจอดที่สนามบินนี้ได้ ต้องมีทักษะระดับสูง และต้องผ่านการรับรองพิเศษเฉพาะ ในการเสด็จครั้งนี้ พระองค์ทรงขับเครื่องบินนำคณะเสด็จอย่างปลอดภัยและงดงาม เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่สร้างความปลื้มปีติแก่ชาวไทยและชาวภูฏานเป็นอย่างยิ่ง (ภาพจาก The Bhutanese)









ไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นที่ทรงแสดงพระปรีชาสามารถ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี ยังทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นนักบินผู้ช่วยตลอดเส้นทางบินในครั้งนี้ด้วย พระองค์ทรงสำเร็จหลักสูตรการบินจากโรงเรียนการบินทหารบก และหลักสูตรโดดร่มกลางทะเลกับหน่วยนาวิกโยธิน ทรงแสดงถึงความสามารถและความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน
ข้อมูลจาก ThaiPBS ระบุว่า สมเด็จพระราชินีทรงอยู่ในตำแหน่ง First Officer (นักบินผู้ช่วย) ขณะในหลวงทรงทำหน้าที่เป็นกัปตัน นำเครื่องบินแลนดิ้งท่ามกลางภูมิประเทศที่ท้าทายด้วยพระองค์เอง
ราชวงศ์ไทยและภูฏานถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด และครั้งนี้ประเทศภูฏานได้ต้อนรับพระมหากษัตริย์ไทยด้วยการประดับธงทั้งสองชาติ ร่วมกับพระบรมฉายาลักษณ์ของกษัตริย์ทั้งสองประเทศคู่กัน

จากภาพข่าวนี้ ประชาชนยังได้เห็นพระปรีชาสามารถของราชวงศ์ภูฏานในการยิงธนู ของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก สมเด็จพระราชินี เจตซุน เปมา วังชุก และพระโอรส ซึ่งได้ทรงยิงธนูร่วมกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

ในการเสด็จครั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้ทรงฉลองพระองค์ผ้าไหมไทย ในชุดไทยประยุกต์ที่งดงามสะกดสายตานานาประเทศ ประกอบด้วยผ้าไหมยกดอก และผ้าไหมแพรวา อันเป็นผ้าไหมขึ้นชื่อของประเทศไทย
การที่ในหลวงเสด็จภูฏาน รวมระยะเวลา 4 วัน ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พร้อมด้วย พระราชินีขับเครื่องบิน ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ ทักษะ และพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ด้วยพระองค์เอง นับเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชนชาวไทยอย่างลึกซึ้ง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :
- รู้จัก “ตรานกยูง ทอง-เงิน-น้ำเงิน-เขียว” บนผ้าไหม แต่ละสีมีความหมายอย่างไร
- อายุองค์ที (เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ) ในปี 2568 พระชนมายุเท่าไหร่
- ผ้าลายอย่าง คืออะไร มีประวัติและความเป็นมาอย่างไร
- รู้จักชุดไทยทั้ง 9 แบบ ที่ใช้ในโอกาสงานแต่งงาน และใส่ไปวัดทำบุญ
- รู้จักประวัติผ้าไหมสุรินทร์ และ 7 ลายอัตลักษณ์ มีอะไรบ้าง








