ซ่อมแอร์บ้านราคาเท่าไหร่? รวมปัญหาแอร์ที่พบบ่อยและค่าใช้จ่าย

ซื้อแอร์มือสองดีไหม? เช็กข้อดี-ข้อเสียก่อนตัดสินใจซื้อ

แอร์บ้านกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ในบ้านเรือน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อากาศร้อนจัดเกือบตลอดทั้งปี แต่แอร์เครื่องใหม่อาจมีราคาสูงเกินเอื้อมสำหรับบางคน โดยเฉพาะหากต้องติดหลายห้อง หรืออยู่ในบ้านเช่าชั่วคราว จึงไม่แปลกที่คำค้นหายอดนิยมอย่าง “แอร์มือสอง” หรือ “แอร์ราคาถูก” จะขึ้นมาแรงทุกฤดูร้อน หลายคนยังลังเลว่า ซื้อแอร์มือสองดีไหม? จะคุ้มค่าระยะยาวหรือเปล่า? ควรเช็กอะไรบ้างก่อนซื้อเพื่อไม่ให้โดนหลอก หรือเสียเงินซ้ำซ้อนในการซ่อมภายหลัง

บทความนี้ mycontent-thai.com จะพาคุณมาวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของการซื้อแอร์บ้านราคาถูกในตลาดมือสอง พร้อมแนะแนวทางเช็กคุณภาพก่อนซื้อ และทางเลือกที่เหมาะกับแต่ละประเภทของผู้ใช้

แอร์มือสองคืออะไร?

แอร์มือสองคือเครื่องปรับอากาศที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว อาจมาจากบ้านเก่าที่รื้อออก, คอนโดที่รีโนเวต, ร้านค้าที่เลิกกิจการ หรือโรงแรมที่เปลี่ยนแอร์ใหม่ โดยแอร์เหล่านี้จะถูกนำมาล้าง ตรวจเช็ก ซ่อม หรือเปลี่ยนอะไหล่บางส่วน แล้วนำออกมาจำหน่ายต่อในราคาที่ถูกลงกว่าของใหม่

บางครั้งแอร์มือสองยังอยู่ในสภาพดีมาก โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมที่มีความทนทาน และบางเครื่องผ่านการใช้งานเพียงไม่กี่ปี

ข้อดีของการซื้อแอร์มือสอง

1. ราคาถูกกว่าของใหม่มาก

แอร์มือสองราคาถูกกว่าของใหม่ 30–70% แล้วแต่สภาพและขนาด BTU
เช่น แอร์ใหม่ 12,000 BTU ราคา 13,000 บาท แต่อาจซื้อมือสองได้ในราคาเพียง 4,000 – 7,000 บาท

2. เหมาะกับบ้านเช่า/ห้องเช่าชั่วคราว

ถ้าคุณอยู่ในห้องเช่าหรือคอนโดที่ไม่ได้วางแผนอยู่ถาวร แอร์ราคาถูกอาจเป็นทางเลือกประหยัดที่ไม่ต้องลงทุนระยะยาว

3. บางเครื่องยังอยู่ในประกัน

ในกรณีที่เจ้าของเดิมเพิ่งซื้อมาไม่นานและยังมีใบเสร็จ/ใบรับประกัน อาจได้แอร์ที่ยังอยู่ในประกันแบรนด์ 1–5 ปี

4. บางร้านมีบริการติดตั้งฟรี

ร้านที่ขายแอร์มือสองบางแห่งมีโปรโมชั่นติดตั้งฟรีภายในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมได้มาก

ข้อเสียของการซื้อแอร์มือสอง

1. อายุการใช้งานสั้นลง

เนื่องจากผ่านการใช้งานมาแล้ว อะไหล่ภายใน เช่น คอมเพรสเซอร์ หรือแผงวงจร อาจเริ่มเสื่อม ทำให้อายุใช้งานเหลือไม่มาก

2. เสี่ยงโดนย้อมแมว

หากซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ บางร้านอาจล้างแอร์แบบผิวเผิน ทำให้ภายนอกดูใหม่ แต่ภายในสกปรก หรือมีอะไหล่พังซ่อนอยู่

3. ไม่มีใบรับประกันจากผู้ผลิต

ส่วนใหญ่แอร์มือสองไม่มีประกันจากศูนย์ เพราะหมดอายุแล้ว ทำให้ต้องรับความเสี่ยงเอง หากมีปัญหาต้องซ่อมเองทั้งหมด

4. กินไฟมากกว่ารุ่นใหม่

แอร์เก่ามักไม่มีระบบอินเวอร์เตอร์ ทำให้กินไฟมากกว่าแอร์รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานสูง

ซื้อแอร์มือสองเหมาะกับใคร?

  • นักศึกษา/ผู้เริ่มทำงาน ที่ต้องการประหยัดต้นทุนในการอยู่หอพัก
  • ผู้เช่าบ้านชั่วคราว ไม่ต้องลงทุนซื้อแอร์ใหม่แพงๆ
  • เจ้าของบ้าน/คอนโดมือสอง ที่อยากปรับปรุงที่พักแบบประหยัด
  • ร้านค้า/สำนักงานขนาดเล็ก ที่ต้องการแอร์หลายเครื่องแต่มีงบจำกัด

เช็กลิสต์ก่อนซื้อแอร์มือสอง

  1. ดูป้ายรุ่นและปีที่ผลิต – ควรเลือกแอร์ที่อายุไม่เกิน 5–7 ปี
  2. ตรวจสอบ BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง
  3. ฟังเสียงคอมเพรสเซอร์ – หากมีเสียงดังผิดปกติ อาจมีปัญหา
  4. เช็กท่อทองแดงว่าครบไหม – ท่อใหม่แพง หากต้องซื้อเพิ่มจะเสียค่าใช้จ่ายสูง
  5. ขอให้เปิดเครื่องทดลอง – ควรเปิดแอร์ให้เย็นจริงก่อนตัดสินใจ
  6. สอบถามประวัติการใช้งานเดิม – บางเครื่องอาจถูกเปิดใช้งาน 24 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทำให้สภาพเสื่อมเร็ว
  7. สอบถามใบเสร็จเดิม/ใบรับประกัน (ถ้ามี)

ราคาแอร์มือสองโดยประมาณ (อัปเดตปี 2025)

ขนาด BTUเหมาะกับห้องขนาดราคามือสองโดยเฉลี่ย
9,000 BTUห้องนอนเล็ก 9–14 ตร.ม.2,500 – 4,500 บาท
12,000 BTUห้องนอนกลาง 15–20 ตร.ม.3,000 – 6,000 บาท
18,000 BTUห้องนั่งเล่น 21–30 ตร.ม.5,000 – 8,000 บาท
24,000 BTUห้องโถงใหญ่/ร้านค้า6,000 – 10,000 บาท

วิธีเลือกซื้อแอร์มือสอง จากรีวิว

  1. ร้านขายแอร์มือสองออนไลน์ Shopee / Lazada
    • มีรีวิวจริงจากผู้ซื้อ
    • เช็กคะแนนร้านค้าก่อนซื้อได้
    • โปรโมชั่นเยอะ
  2. ร้านขายแอร์ใน Facebook Marketplace
    • มักมีโปรโมชั่นลดราคาจากเจ้าของโดยตรง
    • ต่อรองราคาได้
    • ควรไปดูสินค้าหน้างานก่อนจ่าย
  3. ร้านขายแอร์เก่าที่มีหน้าร้านจริง
    • บางร้านมีให้เลือกหลายรุ่น
    • มีบริการติดตั้งและรับประกันเฉพาะจากร้าน
    • มั่นใจมากกว่าการซื้อมือสองออนไลน์แบบไม่เห็นของ

แอร์มือสองแบบไหนที่ไม่ควรซื้อ?

  • แอร์ไม่มีใบรุ่นและ BTU ชัดเจน
  • คอมเพรสเซอร์เก่าหรือมีสนิม
  • มีเสียงดังผิดปกติ
  • แผงระบายความร้อนบุบหรือขึ้นสนิมมาก
  • ราคาแอร์ถูกเกินไปจนผิดปกติ (เช่น 1,000 – 2,000 บาท โดยไม่ติดตั้ง)

เปรียบเทียบ “แอร์มือสอง VS แอร์ใหม่” ราคาถูก

หัวข้อแอร์มือสองแอร์ใหม่ราคาถูก
ราคา2,500 – 8,000 บาทเริ่มต้น 9,000 – 12,000 บาท
สภาพเครื่องผ่านการใช้งานใหม่ 100%
ระบบอินเวอร์เตอร์ส่วนใหญ่ไม่มีมี (บางรุ่น)
ประกันไม่มี / มีเฉพาะจากร้านประกันศูนย์ 1–5 ปี
อายุใช้งานเหลือไม่เกิน 3–5 ปี8–10 ปี
ความเสี่ยงเสียกลางทาง / ค่าอะไหล่แพงเสี่ยงต่ำกว่า

บทสรุป: หากคุณมีงบประมาณจำกัด และสามารถตรวจสอบแอร์มือสองได้ด้วยตัวเองหรือเชื่อใจร้านค้า แอร์ราคาถูกมือสองอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะสั้นได้ดี แต่หากมองการใช้งานระยะยาว และต้องการความมั่นใจเรื่องค่าไฟและบริการหลังการขาย แอร์ใหม่ราคาถูกก็ยังเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า

..ซื้อแอร์ใหม่รุ่นราคาประหยัด

หากคุณลังเลระหว่างแอร์มือสองกับของใหม่ ปัจจุบันมีแอร์บ้านราคาถูกหลายรุ่นที่ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 10,000 บาท แถมยังมีระบบอินเวอร์เตอร์ที่ช่วยประหยัดไฟอีกด้วย เช่น

  • Midea Inverter 9,000 BTU – ราคาเริ่มต้น 8,500 บาท
  • Hisense Inverter 12,000 BTU – เริ่มต้น 9,200 บาท
  • Carrier รุ่นราคาประหยัด – เริ่มต้น 10,000 บาท

แอร์เหล่านี้แม้จะราคาถูก แต่มีประกันศูนย์ครบ และฟังก์ชันเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปในห้องนอน

ซื้อแอร์มือสองดีไหม?

การซื้อ แอร์มือสอง เหมาะกับผู้ที่มีงบจำกัดและสามารถตรวจสอบสภาพแอร์ก่อนซื้อได้อย่างรอบคอบ ควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีประวัติการใช้งานที่ชัดเจน และควรหลีกเลี่ยงเครื่องที่ผ่านการใช้งานหนัก หรือตกแต่งภายนอกใหม่เพื่อย้อมแมว

แต่ถ้าคุณต้องการใช้งานระยะยาว ไม่อยากเสี่ยงกับค่าใช้จ่ายซ่อมที่ไม่คาดคิด การเลือก แอร์บ้านราคาถูก รุ่นใหม่จากแบรนด์ที่ไว้ใจได้อาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว


สนใจแอร์มือสอง / แอร์ราคาถูก

→ ดูโปรโมชั่นแอร์มือสอง | ราคาดี มีบริการติดตั้งพร้อม

→ เช็กราคาแอร์บ้านใหม่รุ่นประหยัด | เริ่มต้น 8,000 บาท

ใส่ความเห็น