10 ปัญหาที่พบบ่อยในการเขียนบทความ SEO

การเขียนบทความ SEO บางครั้งเราไม่ติดอันดับ Google ไม่ใช่เพราะเราเขียนไม่ดี แต่เป็นเพราะการวางคีย์เวิร์ดที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ Google ยังมีวิธีคำนวณหาบทความคุณภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วง บทความนี้จะสรุป 10 ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในการเขียนบทความ SEO พร้อมแนวทางแก้ไข เพื่อช่วยให้คุณพัฒนาบทความให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกันค่ะ

เขียนบทความ SEO ต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง?

1. เลือกคีย์เวิร์ดไม่เหมาะสม

ปัญหา: เลือกคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงเกินไป หรือคีย์เวิร์ดที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น “รองเท้า”​ ที่มีคำค้นหาเฉลี่ยสูงถึง 500,000 ครั้งต่อเดือน แต่ถ้าหากเราเลือกวางคีย์เวิร์ดไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้เสียเวลา เว็บไซต์ไม่ติดอันดับ

วิธีแก้ไข:

  • ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner, Ahrefs หรือ Ubersuggest เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันต่ำและมีปริมาณการค้นหาที่เหมาะสม
  • เน้น Long Tail Keywords ที่เจาะจงมากขึ้น เช่น “รองเท้า Nike สำหรับสาวเท้าเล็ก”

2. การใช้คีย์เวิร์ดไม่ถูกต้อง

ปัญหา: ใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไป (Keyword Stuffing) หรือใส่ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น หากเลือกคีย์เวิร์ด “รองเท้า Nike สำหรับสาวเท้าเล็ก” แต่ใส่ไว้ทั้งบนหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย รวมแล้วเกิน 5% ของบทความ ทำให้ดูยัดเยียดมากเกินๆป

วิธีแก้ไข:

  • ใส่คีย์เวิร์ดในจุดสำคัญ เช่น หัวข้อ (H1), หัวข้อย่อย (H2, H3), ย่อหน้าแรก และ Meta Description
  • ใช้คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ควรฝืนใส่จนเนื้อหาอ่านไม่ราบรื่น

3. เนื้อหาไม่น่าสนใจหรือตอบโจทย์ผู้อ่าน

ปัญหา: เขียนบทความที่ไม่มีข้อมูลที่มีคุณค่า หรือไม่ตอบคำถามของกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น เขียนบทความ “รองเท้า Nike สำหรับสาวเท้าเล็ก” แต่ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับสาวเท้าอวบมาเยอะเกินไป ทำให้ Robot ของ Google Index สับสน

วิธีแก้ไข:

  • ศึกษาความตั้งใจของผู้ค้นหา (Search Intent) เช่น คำค้นว่า “รองเท้า Nike สำหรับสาวเท้าเล็ก” ก็จะเจอคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เช่น รองเท้า Nike ผู้หญิง, รองเท้า Nike ผู้หญิง ของแท้, รองเท้าไนกี้ผู้หญิง,รองเท้า Nike ผู้หญิง ใส่เที่ยว
  • หลังจากนั้นก็เขียนหัวข้อย่อยเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับความตั้งใจของผู้ค้นหา (Search Intent) เหล่านี้ด้วย

4. โครงสร้างบทความไม่ชัดเจน

ปัญหา: ไม่มีการแบ่งหัวข้อย่อย ทำให้บทความอ่านยาก

วิธีแก้ไข:

  • ใช้หัวข้อย่อย (H2, H3) เพื่อแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ
  • ใช้ Bullet Points หรือ List Numbering เพื่อสรุปข้อมูลสำคัญ

5. ขาด Meta Tags ที่เหมาะสม

ปัญหา: ไม่ใส่ Meta Title หรือ Meta Description ที่ชัดเจน

วิธีแก้ไข:

  • ใส่คีย์เวิร์ดใน Meta Title และ Meta Description
  • Meta Description ควรสรุปเนื้อหาอย่างกระชับใน 150-160 ตัวอักษร เช่น”เรียนรู้ 10 ปัญหาที่พบบ่อยในการเขียนบทความ SEO พร้อมวิธีแก้ไขเพื่อช่วยให้บทความของคุณติดอันดับใน Google”

6. ไม่เพิ่มลิงก์ภายในและภายนอก

ปัญหา: ไม่มีการเชื่อมโยงบทความกับหน้าอื่นในเว็บไซต์ หรือไม่อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้นก็ควรใส่ Link บ้าง

วิธีแก้ไข:

  • เพิ่ม Internal Links เพื่อเชื่อมโยงบทความที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์
  • ใช้ External Links เพื่ออ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ

7. รูปภาพไม่มี Alt Text

ปัญหา: ใส่รูปภาพในบทความ แต่ลืมเพิ่ม Alt Text หรือคำอธิบายภาพที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด ทำให้ Google ไม่ทราบว่ารูปภาพประกอบนั้นคือรูปอะไร

วิธีแก้ไข:

  • ใส่ Alt Text ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและคีย์เวิร์ด เช่น”วิธีเขียนบทความ SEO ด้วยเทคนิคที่ได้ผล”

8. เนื้อหาซ้ำซ้อนกับเว็บไซต์อื่น

ปัญหา: คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น ทำให้ถูกมองว่าเป็น Duplicate Content เพราะฉะนั้นควรเช็กภาษาของบทความ ยิ่งเป็นการจ้างเขียน ควรเลือกสัก 2-3 พารากราฟ นำไปวางบน Google เพื่อดูว่ามีที่มาจากเว็บอื่นเยอะเกินไปหรือไม่ หลังจากนั้นก็เช็กด้วย Google Search Console ว่าบทความได้รับการ Index หรือยัง

วิธีแก้ไข:

  • เขียนเนื้อหาใหม่ที่เป็นต้นฉบับ
  • หากต้องอ้างอิง ให้เขียนในสไตล์ของตัวเองและใส่แหล่งที่มาชัดเจน

9. บทความยาวเกินไปหรือสั้นเกินไป

ปัญหา: บทความสั้นจนไม่ตอบคำถาม หรือยาวเกินไปจนผู้อ่านเบื่อ ยังไม่ทันจบ ก็ตัดเนื้อหาจนสั้น ดังนั้นควรใส่รายละเอียดของสิ่งที่เล่าให้ครบ เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

วิธีแก้ไข:

  • เขียนบทความให้มีความยาวเหมาะสมกับหัวข้อ (800-1,500 คำสำหรับหัวข้อทั่วไป)

10. ไม่วิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับปรุงบทความ

ปัญหา: เขียนบทความเสร็จแล้วไม่ติดตามผลหรือปรับปรุงเนื้อหา จึงไม่ทราบว่าบทความนั้นดีหรือไม่ดี ถ้าเราเป็นคนอ่านหนังสืออยู่แล้วก็จะรู้ว่าบทความนี้เราเขียนครบไหม? หลังจากเผยแพร่แล้วมี Feedback จากผู้อ่านอย่างไร รวมถึง Google Search Console ได้จัดอันดับการเข้าชมไว้อย่างไรบ้าง

วิธีแก้ไข:

  • ใช้ Google Analytics และ Google Search Console เพื่อตรวจสอบการเข้าชมและอันดับของบทความ
  • อัปเดตเนื้อหาให้ทันสมัยและเพิ่มข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ปัญหาที่พบบ่อยในการเขียนบทความ SEO สามารถแก้ไขได้ด้วยการวางแผนและปรับปรุงเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ หากคุณหลีกเลี่ยง 10 ปัญหาที่กล่าวมาและปฏิบัติตามคำแนะนำ คุณจะสามารถสร้างบทความ SEO ที่มีคุณภาพและมีโอกาสติดอันดับใน Google ได้ง่ายขึ้นทีเดียวค่ะ.

Read More :

ใส่ความเห็น