Meta Description เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการทำ SEO (Search Engine Optimization) ที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลอย่างมากต่อการเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์หรือบทความของคุณดึงดูดคลิกจากผลการค้นหาใน Google หากคุณต้องการให้บทความของคุณติดอันดับสูงและมี Traffic ที่มีคุณภาพ Meta Description ควรได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ มาดูกันว่า Meta Description คืออะไร และทำไมถึงมีความสำคัญต่อการทำ SEO
Meta Description คืออะไร
Meta Description คือข้อความสั้น ๆ ที่ปรากฏใต้ Title ในผลการค้นหาบน Google โดยทำหน้าที่สรุปเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์หรือบทความในประมาณ 150-160 ตัวอักษร ซึ่งสามารถ Copy พารากราฟแรกของบทความไปวางในช่องที่ให้กรอกในระบบหลังบ้านได้ หรือถ้าเป็น WordPress.com อยู่ในช่องที่เรียกว่า “เขียนเกริ่นนำ” โดยต้องเป็นประโยคที่มีคีย์เวิร์ดที่ต้องการวางอยู่ด้วย
ตัวอย่าง Meta Description ในผลการค้นหา:
“เรียนรู้ความสำคัญของ Meta Description และเทคนิคการเขียนให้ดึงดูดคลิก เพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงใน Google ได้ง่าย ๆ”
ความสำคัญของ Meta Description
- Meta Description ดึงดูดการคลิก (Click-Through Rate – CTR) เปรียบเสมือนโฆษณาขนาดย่อมของบทความคุณ
- หากข้อความสั้น ๆ นี้น่าสนใจ ผู้อ่านจะคลิกเข้ามาอ่านบทความ
- ช่วยเพิ่ม CTR ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ
- Meta Description ช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหา ช่วยบอกผู้อ่านว่าบทความของคุณมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
- หากเขียนได้ตรงประเด็นและตรงกับความต้องการของผู้อ่าน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
- Meta Description ช่วยในการจัดอันดับ SEO แม้ว่า Google จะไม่ได้ใช้ Meta Description เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับโดยตรง แต่ Meta Description ที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่ม CTR ซึ่งเป็นปัจจัยทางอ้อมที่ส่งผลต่อการจัดอันดับ
- เพิ่มประสบการณ์การใช้งาน (User Experience) Meta Description ที่ชัดเจนและน่าสนใจช่วยให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดี เพราะพวกเขาเข้าใจสิ่งที่คาดหวังได้จากหน้าเว็บก่อนคลิกเข้าไป
วิธีเขียน Meta Description ที่มีประสิทธิภาพ
- ใช้คีย์เวิร์ดเป้าหมาย ใส่คีย์เวิร์ดหลักใน Meta Description เพื่อให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาของคุณเกี่ยวข้องกับคำค้นนั้นตัวอย่าง:
หากคีย์เวิร์ดคือ “Meta Description SEO””เรียนรู้วิธีเขียน Meta Description ที่ช่วยเพิ่มอันดับ SEO และดึงดูดคลิกในผลการค้นหา Google” - เขียนให้กระชับและน่าสนใจ Meta Description ควรสั้น กระชับ และชัดเจน (ไม่เกิน 150-160 ตัวอักษร)
ใช้ภาษาที่กระตุ้นความสนใจ เช่น “ง่าย”, “เคล็ดลับ”, “มือใหม่ห้ามพลาด” - ใส่คำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call to Action) เช่น “คลิกเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม”, “ดูเทคนิคทั้งหมดได้ที่นี่”, หรือ “อ่านเลย!”
- หลีกเลี่ยงการใช้ข้อความซ้ำซาก เขียน Meta Description เฉพาะสำหรับแต่ละหน้า อย่าใช้ข้อความซ้ำกันในหลายบทความ
- ทดสอบและปรับปรุง ใช้ Google Search Console เพื่อตรวจสอบ CTR ของ Meta Description และปรับปรุงข้อความให้เหมาะสม
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- เขียน Meta Description ยาวเกินไป: ทำให้ข้อความถูกตัดในผลการค้นหา
- ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา: ทำให้ผู้อ่านไม่พอใจและ Bounce Rate สูงขึ้น
- ไม่มีคีย์เวิร์ด: ทำให้ Google ไม่เข้าใจความเกี่ยวข้องของบทความกับคำค้น
Meta Description กับการสร้างความแตกต่าง
ในยุคที่การแข่งขันด้าน SEO สูง การมี Meta Description ที่ดีสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับบทความของคุณ จูงใจผู้อ่านให้เลือกคลิก หรือกดออกไปจากหน้าเว็บไซต์ได้
- หากคู่แข่งไม่ได้ใส่ใจในการเขียน Meta Description คุณสามารถใช้โอกาสนี้เพิ่ม CTR
- ช่วยให้บทความของคุณดูน่าเชื่อถือและมีคุณค่ามากขึ้นในสายตาผู้อ่าน
Meta Description เป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ ของบทความ SEO แต่มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชมและเพิ่ม CTR ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในระยะยาว หากคุณยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Meta Description ถึงเวลาที่คุณควรเริ่มแล้ว เขียนให้กระชับ ใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม และอย่าลืมทดสอบผลลัพธ์เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยนะคะ.
Read More :


