ใครคือผู้มีสิทธิขอคืนภาษี 2566 ในปีนี้ อย่าลืมศึกษาวิธีผูกพร้อมเพย์ และวิธีการรับเงินคืนภาษี สำหรับปี 2567 มี 3 ช่องทางได้แก่ รับผ่านพร้อมเพย์ เช็คเงินสด และขอคืนด้วยตัวเองที่สาขาธนาคารกรุงไทยหรือ ธ.ก.ส. โดยมีขั้นตอนต่อไปนี้
ช่องทางการขอรับเงินคืนภาษี (ที่มา กรมสรรพากร)
1. ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน
บุคคลธรรมดาสัญชาติไทย ที่ได้ผูกเลขบัตรประจำตัวประชาชนกับบัญชีธนาคาร รอรับเงินคืนภาษีผ่านช่องทางธนาคารที่ท่านลงทะเบียนไว้ ต้องเป็นบัญชีธนาคารที่ผ่านการยืนยันตัวตนที่สาขา หรือแอปพลิเคชั่นโมบายล์แบงกิ้งเรียบร้อยแล้วท่านนั้น
ตัวอย่าง วิธีการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารกรุงไทย ได้ที่นี่
2. รับเงินคืนภาษีที่สาขาธนาคารกรุงไทย หรือ ธนาคาร ธ.ก.ส.
บุคคลธรรมดาสัญชาติไทย ที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารไม่สำเร็จ หรือบุคคลต่างด้าวที่มีบัตรประจำตัวที่ออกโดยกรมการปกครองในการยื่นแบบ เมื่อได้รับเอกสาร ค.21 แล้ว สามารถนำไปยื่นด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจ ไปรับเงินคืนภาษีที่ธนาคารกรุงไทย หรือ ธนาคาร ธ.ก.ส. ได้ โดยเตรียมเอกสารคือ บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง (พาสปอร์ต หรือบัตรประจำตัวที่ออกโดยกรมการปกครอง) และหนังสือ ค.21 ที่ได้รับจากกรมสรรพากร
และผู้ที่เสียชีวิตระหว่างปี ผู้จัดการมรดกต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน และคำสั่งศาลแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก รวมถึงหนังสือ ค.21 ติดต่อธนาคารกรุงไทยเพื่อขอแคชเชียร์เช็ค มีค่าธรรมเนียม 20 บาท
3. รับเช็คคืนภาษีที่กรมสรรพากร
ชาวต่างชาติ ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล วิสาหกิจชุมชน และกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ยื่นขอรับเช็กคืนภาษีที่กรมสรรพากร
การยื่นภาษีที่กรมสรรพากรทำได้ถึงวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี แต่ถ้าหากยื่นออนไลน์ ปีนี้ยื่นได้ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 สำหรับใครที่ยื่นแล้ว สอบถามสถานะคืนภาษีด้วยตัวเองที่ https://refundedcheque.rd.go.th/itp_x_tw/index.html
แท็ก : ช่องทางคืนภาษี,ใครคือผู้มีสิทธิขอคืนภาษี,กรมสรรพากร คืนภาษี,ขอคืนภาษี 2566,ขอคืนภาษี 2567,ตรวจสอบการยื่นภาษีออนไลน์,เช็คคืนภาษี,ตรวจสอบคืนภาษี,ตรวจสอบสถานะภาษี,พร้อมเพย์ คืนภาษี,ช่องทางการคืนภาษี


